เฟดเดินหน้าวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง... ปลดล็อกพอร์ตลงทุนสูตรผสม
เราเห็นกันแล้วใช่ไหมว่า… การแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ
หรือ เฟดมีอิทธิพลต่อสินทรัพย์ทั่วโลกมากขนาดแค่ไหน…หุ้นสหรัฐ และคริปโทเคอร์เรนซีพุ่งแรง แค่เพียงประธานเฟดกล่าวสั้นๆ ว่า "ถึงเวลาที่ เฟด จะปรับลดดอกเบี้ยแล้ว"
ทำเอาที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ "อ่อนค่าลง" เมื่อเทียบกับสกุลหลักๆ ของโลก
ดัชนี "ค่าเงินดอลลาร์" ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.78% แตะที่ระดับ 100.717 ในวันเดียวกัน
ส่วน"เงินบาท"ของไทยแข็งค่าขึ้นมาจนหลุด 34 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสุด ในรอบ 2 ปี
ฝั่งสินทรัพย์ต่างๆ ทั้ง"คริปโทเคอร์เรนซี" พุ่งกระฉูด หุ้นสหรัฐฯ พุ่งแรง 400 จุด พาตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งตาม
ด้าน"ราคาทองคำ" +32 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จ่อทำ All Time High ใหม่ เพราะนักลงทุนสนใจที่จะถือทองคำมากขึ้น หากถือเงินแล้วได้ดอกเบี้ยน้อยลง ประกอบกับดอลลาร์อ่อนทำให้ต่างชาติซื้อทองได้ง่ายขึ้น
แม้ตอนนี้เฟดจะส่งสัญญาณจะปรับลดดอกเบี้ยที่ชัดเจนขึ้น เนื่องจากเห็นความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ลดลง แต่ความผันผวนก็ไม่ได้จบตาม
เวลาในช่วงไม่กี่เดือนของปีนี้ ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เป็นแรงกดดันบรรยากาศการลงทุน ถึงเวลาที่คุณต้องทบทวนพอร์ตได้กระจายการลงทุนอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ข้างหน้าหรือยัง
เฟดจะทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานให้แข็งแกร่ง ในขณะที่เฟดเดินหน้าสร้างเสถียรภาพด้านราคาต่อไป และด้วยการปรับลดข้อจำกัดด้านนโยบายอย่างเหมาะสมนั้น ก็มีเหตุผลที่ดีที่จะคาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะกลับมามีอัตราเงินเฟ้อ 2%
พร้อมกับรักษาตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ด้วย และระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันทำให้เฟดมีพื้นที่เพียงพอในการตอบสนองต่อความเสี่ยงใดๆ ที่อาจเผชิญ รวมถึงความเสี่ยงของการอ่อนแอลงของตลาดแรงงานซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์
ด้าน "เทรดเดอร์" คาดว่า มีโอกาส 65% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5.25%-5.50% ในการประชุมรอบเดือนกันยายนนี้ พร้อมกับคาดว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปีนี้ เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน พฤศจิกายน และธันวาคมของปี 2567 นี้ โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ ดอกเบี้ยจะลดลงไปอยู่ที่ 3.75%จากปัจจุบันอยู่ที่ 5.25%-5.50% ซึ่งก็ถือว่า ยังคงอยู่ในระดับสูง (Higher for longer)
เตรียมพร้อมจัดพอร์ต Core & Satellite และ DCA รับมือเสี่ยง อุ่นใจทุกสถานการณ์
และแน่นอน โลกมีความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ที่อาจเกิดอะไรขึ้นอีก ซึ่งยากจะคาดเดา แต่ละปัจจัยมีผลกระทบต่อสินทรัพย์แต่ละประเภทที่แตกต่างกันไป
“ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์” CEO Jitta Wealth มีวิธีเด็ดๆ มาให้ลองพิจารณาและนำไปปรับใช้
ในสภาวะที่โจทย์การลงทุนที่มีความผันผวนไม่จบสิ้นในระยะข้างหน้า ลูกค้าถามผมกันมากว่า ควรเตรียมพร้อมลงทุนอย่างไรดีในช่วงที่ดอกเบี้ยโลกกำลังจะเป็นขาลง แต่ก็มีความเสี่ยงรอบด้านรุมเร้า
“ตราวุทธิ์” ตอบว่า สถานการณ์ที่มีความเสี่ยงรออยู่ในข้างหน้า ตัวช่วยการลงทุนที่ดี ต้อง ‘Asset Allocation’ หรือการจัดสรรสินทรัพย์ลงทุนเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยบริหารความเสี่ยง
การเตรียมความพร้อมที่ดีสุด อย่างแรก ตัวคุณเริ่มทำการบ้านทบทวนพอร์ตลงทุนหรือยังว่า มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เหมาะสมกับสถานการณ์ดีหรือยัง
เพราะเชื่อว่า ยังมีนักลงทุนอีกจำนวนมากที่ใส่เงินลงทุนกระจุกอยู่ในหุ้น และส่วนใหญ่ใส่เงินลงทุนแบบสะเปะสะปะ ไม่ได้จัดสรรการลงทุนในสินทรัพย์อย่างสมดุล
หากเมื่อใดที่คุณมีการจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญ จะสามารถสร้างผลตอบแทนและฝ่ามรสุมไปได้ทุกสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม การจัดสรรเงินลงทุนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะลงมือทำได้จริงและประสบความสำเร็จกันทุกคน เพราะในโลกปัจจุบันมีสินทรัพย์การลงทุนมากมาย นอกจากจะต้องหาว่าควรลงทุนในสินทรัพย์อะไรแล้ว การซื้อให้ได้สัดส่วนที่ดีที่สุดตามที่เราต้องการก็เป็นเรื่องที่ยากไม่แพ้กัน
คุณปู่ ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ ไอดอลสาย VI แบบอย่างนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ และนักลงทุนทั่วโลก ต่างก็เดินตามรอยคุณปู่กันทั้งนั้น แต่ผลสำเร็จจากการลงทุนก็แตกต่างกันไป
ถ้าถามว่าเตรียมพร้อมอย่างไรก่อนเฟดจะเข้าสู่วัฎจักรดอกเบี้ยขาลง จริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่อง “ดอกเบี้ย ”แต่ยังมีอีกหลายประเด็นที่โลกกำลังเดินมาสู่เปลี่ยน
"ตราวุทธิ์"กล่าวว่า อย่างแรกที่สุด คือ ต้องทบทวนพอร์ตของตัวเอง และเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกตึงเครียด แสดงว่าพอร์ตของคุณยังถูกจัดไม่เหมาะสมตามความเสี่ยงที่คุณรับได้
ข้อต่อมา คือ ต้องปรับพอร์ตใหม่เพื่อกระจายความเสี่ยงว่าจะอยู่ในทรัพย์สินอะไรบ้าง แบ่งสัดส่วนอย่างไร ยึดตามหลักการจัดพอร์ต Core & Satellite ว่าจะต้องกระจายทรัพย์สินหลายๆ ประเภท จัดสัดส่วนแบ่งพอร์ต Core Port เป็นเท่าไหร่และเป็น Satellite Port เท่าไหร่
หลักการจัดพอร์ต Core & Satellite เงินลงทุนทั้งหมดควรอยู่ใน Core Port ประมาณ 60-80% อาจจะน้อยหรือมากกว่านี้ได้ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่รับได้ แต่ไม่ควรต่ำกว่า 50% เพราะจะทำให้การลงทุนโดยรวมของคุณเผชิญความเสี่ยงมากเกินไปได้ และเมื่อจัดพอร์ตได้แล้ว ก็เหลือแค่วินัยการลงทุนแบบ DCA ที่ต้องมีด้วย
ยกตัวอย่าง การจัด Core & Satellite ให้เห็นภาพชัดเจน อย่างกองทุน Global ETF ซึ่งไส้ในของสินทรัพย์ที่ลงทุนจะเป็นไปตามหลักการข้างต้นครับ เน้นลงทุนพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เกรดดี หุ้นบริษัทชั้นนำระดับโลก ผ่าน ETF พร้อมทั้งยังมีระบบ AI คอยปรับพอร์ตบาลานซ์สัดส่วนให้อัตโนมัติ เพื่อให้ทันสถานการณ์ช่วงเวลานั้นๆ และสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
อาจสงสัยว่า ทำไม Global ETF ต้องลงทุนใน ETF หุ้นและพันธบัตร "ตราวุทธิ์" บอกว่า Asset Allocation สามารถจัดพอร์ตได้หลากหลายสินทรัพย์ แต่จากข้อมูลที่มี และ Jitta Wealth ได้จำลองพอร์ตทั้งหมดแล้ว เราสามารถถือแค่หุ้นและพันธบัตรก็ได้ เพราะในระยะยาวทรัพย์สินอื่นๆ มักมีผลตอบแทนน้อยกว่าสินทรัพย์ 2 ประเภทนี้
แม้แต่คุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์เองก็เขียนในพินัยกรรมว่า เขาจะถือ S&P 500 (หุ้น) กับพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางสหรัฐฯ
สุดท้ายจะทำผลตอบแทนได้ดีกว่านักลงทุนทั่วไป เพราะคุณคิดอย่างเป็นระบบ มีการกระจายความเสี่ยงอย่างถูกต้องทั้งการจัดพอร์ต Core & Satellite ถูกต้อง และ DCA อย่างมีวินัย
แม้การลงทุนมีความเสี่ยงอยู่แล้ว ขอแค่จัดการกระจายความเสี่ยงนั้นให้ดีและเหมาะสม สร้างพอร์ตให้สมดุลเพื่อให้สามารถลงทุนได้ในระยะยาวอย่างมีความสุขพร้อมไปรอรับผลตอบแทนที่เติบโต