กองทุนวายุภักษ์
กองทุนวายุภักษ์จะเข้ามาให้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป สำหรับนักลงทุนที่ต้องการจะลงทุนเพิ่มในกองทุนวายุภักษ์นั้น สามารถลงทุนเพิ่มได้ผ่านการซื้อหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ราคาที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ อาจจะสูงกว่าหรือต่ำกว่า ราคาที่คำนวนจากมูลค่ากองทุนก็ได้
ช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายๆ ท่านคงได้เห็นข่าวคราว หรือรายละเอียดของกองทุนวายุภักษ์กันมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ หลังจากที่ทราบผลการจัดสรรหน่วยลงทุนกองทุนวายุภักษ์ ในวันที่ 25 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา หลายๆท่าน คงมีคำถามว่าแล้วจะยังไงต่อ และเราผู้เป็นนักลงทุนต้องทำอะไรบ้าง วันนี้ผมมีผู้เชี่ยวชาญในด้านการวางแผนการเงินของบริษัท Wealth Creation International Investment Advisory Security Co., Ltd. คุณปิติพงษ์ รุ่งเรืองวุฒิกุล CFP® จะมารวบรวมคำถามที่น่าสนใจ ของผู้ลงทุนในกองทุนรวมวายุภักษ์มาฝากกันครับ
ขอเริ่มด้วย คำถามแรกก็คือ “เงินที่ชำระไว้เกินจากการจองซื้อ จะได้รับคืนเมื่อไร?” ทั้งนี้ สำหรับเงินที่ชำระไว้เกิน หรือก็คือ การที่เราได้รับหน่วยลงทุนน้อยกว่ายอดจอง ทางผู้ขายจะต้องคืนเงินที่เก็บเกินไป ให้กับเราภายใน 7 วันทำการหลังสิ้นสุดการจองซื้อ หรือไม่เกินวันที่ 8 ตุลาคม 2567
คำถามถัดมาก็คือ “กองทุน จะเริ่มลงทุนเมื่อไร?” สำหรับกองทุนวายุภักษ์ หนึ่งนั้น จะเริ่มนำเงิน ที่ได้จากการเปิดขายหน่วยลงทุนไปลงทุน ในตลาดหุ้นไทย ,ตราสารหนี้ และอื่นๆ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป
“จะติดตามผลงานการลงทุนได้อย่างไร” สำหรับผลประกอบการของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่งนั้น ผู้ลงทุนสามารถติดตามผลงานของกองทุนผ่านทาง รายงานสถานะการลงทุน, รายงานรอบระยะเวลา และติดตาม มูลค่าหน่วยลงทุนได้จากเว็บไซต์ของบริษัทจัดการ ที่ www.ktam.co.th หรือ www.mfcfund.com
“จะจ่ายปันผลเมื่อไร?” สำหรับเงินปันผลนั้น จากหนังสือชี้ชวนระบุว่าจะมีการจ่ายเป็นจำนวน 2 ครั้งต่อรอบปี โดยหากอิงจาก การจ่ายเงินปันผลของกองทุนวายุภักษ์ก่อนหน้านี้ ก็คาดว่า จะมีการจ่ายปันผลในเดือน กุมภาพันธ์ สำหรับงวดการลงทุน กรกฎาคม 2567 ถึง ธันวาคม 2567 และ จ่ายปันผลอีกครั้งในเดือน กันยายน 2568 สำหรับงวดการลงทุน มกราคม 2568 ถึง มิถุนายน 2568
โดยสำหรับ ผลการดำเนินงานใน ปี 2567 จะเริ่มนับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันทำการแรกหลังจากวันที่กองทุนรวมได้รับเงินจากการเสนอขายและจัดสรรหน่วยลงทุนประเภท ก.ครบแล้วจนถึงธันวาคม 2567 ซึ่งจะไม่ครบปีปฏิทิน ทางบริษัทจัดการกองทุน จะคำนวณอัตราตามผลตอบแทนเพื่อจ่ายปันผล โดยไม่น้อยกว่าผลตอบแทนขั้นต่ำ และไม่เกินกว่าผลตอบแทนขั้นสูง เมื่อคำนวณ เป็นอัตราผลตอบแทนต่อปี (Annualized) ซึ่งถ้าเป็นดังนี้ ด้วยระยะเวลาการลงทุน ตั้งแต่เดือน ตุลาคม ถึงธันวาคม (3 เดือน) จะทำให้การจ่ายเงินปันผลงวดแรกจะมีขั้นต่ำจะอยู่ที่ (3/12)*3% = 0.75% และ ขั้นสูงจะอยู่ที่ (3/12)*9% = 2.77% ของเงินต้นที่เราลงไปนั่นเอง (หากเทียบเป็นต่อปีก็จะเท่ากับ 3% และ 9% ครับ)
“หากกองทุนขาดทุนหนักๆจะเป็นอย่างไร?” สำหรับกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง นักลงทุนประเภท ก. จะได้รับประโยชน์จากกลไกในการคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. โดย จะได้รับชำระเงินคืนก่อนนักลงทุนประเภท ข. และนอกจากนั้นยังมีกลไกในการบริหารความเสี่ยง เมื่อ อัตราส่วน Asset Coverage Ratio ลดลงต่ำกว่าอัตราส่วนที่กองทุนกำหนดและเป็นระยะเวลาตามเงื่อนไขที่กลไกวางไว้ บริษัทจัดการจะใช้ดุลพินจในการเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่อง เพื่อให้เพียงพอต่อการจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. หรือชำระคืนให้แก่ผู้ลงทุนประเภท ก.
อย่างไรก็ตาม หากตลาดมีการผันผวนหนัก จนกองทุนมีการขาดทุนจำนวนมาก นักลงทุนก็อาจจะได้เงินปันผลต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ หรืออาจจะไม่ได้เลย และอาจจะได้เงินต้นคืนน้อยกว่าเงินลงทุน หรืออาจจะไม่ได้รับเลยก็ได้ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรจะใส่ใจติดตามผลการดำเนินการอยู่อย่างสม่ำเสมอ หาก พบว่าผลการดำเนินงานไม่ได้เป็นอย่างที่หวังก็ยังสามารถที่จะขายกองทุนออกไปผ่านทาง ตลาดรองได้อีกทางหนึ่ง โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดระยะเวลา 10 ปี
“หากต้องการใช้เงิน ต้องการขายต้องทำอย่างไร?” หากมีความต้องการที่จะเปลี่ยนกองทุนที่ถืออยู่เป็นเงินสด ทางนักลงทุนสามารถที่จะ ขายกองทุนในตลาดรองได้ ผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ราคาในตลาดอาจจะไม่ได้สอดคล้องกับมูลค่าของกองทุน ทางผู้ขายควรจะพิจารณาราคาขายให้ถี่ถ้วนก่อนทำการขาย โดยที่
คำถามที่ว่า “กองทุนจะเข้ามาให้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อไร?” นั้น ทางกองทุนจะเข้ามาให้เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป ครับ ซึ่ง “หากต้องการลงทุนเพิ่มต้องทำอย่างไร?” สำหรับนักลงทุนที่ต้องการจะลงทุนเพิ่มในกองทุนวายุภักษ์นั้น สามารถลงทุนเพิ่มได้ผ่านการซื้อหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ราคาที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ อาจจะสูงกว่าหรือต่ำกว่า ราคาที่คำนวนจากมูลค่ากองทุนก็ได้ครับ
คำถามถัดมาก็คือ “เงินปันผลจากกองทุนต้องเสียภาษีไหม?” สำหรับ เงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายจำนวน 10% ทั้งนี้สามารถเลือกได้ว่าจะนำไปคำนวณยื่นภาษีหรือไม่ เพราะถือว่าเป็น final tax แล้วครับ
และคำถามสุดท้าย “หากจบโครงการแล้วจะเป็นอย่างไร?” เมื่อจบโครงการแล้ว นั้น ทางกองทุนจะเป็นคนตัดสินใจว่าจะเปิดกองทุนต่อไปหรือจะปิดกองทุนคืนเงินให้แก่นักลงทุน ทั้งนี้ต้องดูกันเวลานั้นอีกทีครับ ถ้าหากมีการต่อ ก็จะมีการสอบถามทางนักลงทุนอีกทีครับว่าจะประสงค์ลงทุนต่อหรือไม่ หรือต้องการยุติการลงทุนและรับเงินคืนครับ