กองทัพธรรม-คปท.-ศปปส. ระดมชื่อ 5.1หมื่นคน ค้านการเมืองแทรกแซงแบงก์ชาติ
กองทัพธรรม คปท. ศปปส. พร้อมมวลชน ระดมรายชื่ิอกว่า 5.1 หมื่นรายชื่อ ยื่นต่อคณะกรรมการคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เป็นรายบุคคล ค้านการเมืองเข้าแทรกแซงแบงก์ชาติ
KEY
POINTS
ดังนั้น ประชาชนไทยผู้ร่วมแสดงความเห็นคัดค้านการเมืองแทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทย
จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการคัดเลือกๆ พิจารณาคุณสมบัติที่เหมาะสมของกรรมการคัดเลือก ให้เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีคุณธรรมจริยธรรมที่ดี ไม่มีประวัติด่างพร้อยด้านการทุจริตและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฝ่ายการเมืองและ
จึงขอให้คณะกรรมการคัดเลือกๆ กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง ปฏิบัติหน้าที่คัดเลือกประธานกรรมการและคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เที่ยงธรรม โปร่งใสและมีธรรมาภิบาล โดยไม่ยอมรับแรงกดดันทางการเมือง เพื่อรักษาสถาบันที่สำคัญคือธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ธำรงไว้ซึ่งความเป็นอิสระและน่าเชื่อถือของนานาอารยะประเทศ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนสืบไป
ขอแสดงความนับถือ
(นายใจเพชร กล้าจน)
ตัวแทนกองทัพธรรม
(นายพิชิต ไชยมงคล)
ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)
(นายอานนท์ กลิ่นแก้ว)
ตัวแทนศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)
ล่าสุด กองทัพธรรม คปท. ศปปส.
วันที่ 11 พ.ย. 67 เวลา 9.30 น. เข้ายื่นหนังสือต่อ นายศรัณยกร อังคณากร ผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์สื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อคัดค้านการเมืองแทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทย
โดยล่าสุดมีประชาขนร่วมลงชื่อคัดค้านฯ 51,980 คน ผ่ายเอกสารจำนวน 1,040 แผ่น
โดยระบุว่า ด้วยกองทัพธรรม คปท. ศปปส.และพี่น้องประชาชนไทยที่ห่วงใยบ้านเมืองและ
ผลประโยชน์ของประเทศชาติประชาชนได้รวมพลังลงชื่อแสดงความคิดเห็นคัดค้านการเมือง
แทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทย
เนื่องจากถ้ายอมให้ฝ่ายการเมืองแทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทย จะเป็นอันตรายยิ่งต่อการรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจไทย ทำลายความ น่าเชื่อถือของธนาคารกลาง และทำลายหน่วยงานหลักทางเศรษฐกิจของประเทศให้อ่อนแอจนไม่เหลือหน่วยงานที่จะทัดทานนโยบายเศรษฐกิจของฝ่ายการเมืองที่ไม่ถูกต้องได้
นอกจากนั้น ในการประชุมของคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย มักมีความลับสำคัญของชาติ นอกเหนือจากความเชื่อมโยงในการกำหนดนโยบายการเงิน
ซึ่งสามารถเอื้อประโยชน์มหาศาลให้กับกลุ่มทุนได้ ดังนั้น บุคคลที่จะไปนั่งในตำแหน่งประธานกรรมการและคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย จึงต้องมือสะอาด ไม่มีประวัติด่างพร้อย และไม่ควรมีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับกลุ่มธุรกิจและฝ่ายการเมือง
มิฉะนั้น จะเกิดกรณีแสวงหาประโยชน์มหาศาลจากนโยบายที่เป็นความลับของธนาคารแห่งประเทศไทย บนหายนะของประเทศ ดังที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต
อนึ่ง นักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมและภาคส่วนต่างๆ ในสังคม กว่า 1,000 คน ก็ได้แถลงการณ์แสดงความกังวลอย่างยิ่งถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศถูกแทรกแซงโดยฝ่ายการเมือง
ซึ่งโดยทั่วไปฝ่ายการเมืองมักให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ในระยะสั้น แต่อาจส่งผลให้เกิดผลเสียหายรุนแรงต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจระยะยาว