‘แสนสิริ‘ ตอกย้ำเบอร์1 อสังหาฯ กวาดรายได้ 9เดือน 2.9 หมื่นล้าน
‘แสนสิริ’ ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่รายได้สูงสุด ในรอบ 9เดือนที่ผ่านมา ร่วม 2.9หมื่นล้าน ด้านกระแสเงินสดแกร่งกว่า1.5หมื่นล้านเพียงพอในการดำเนินธุรกิจไม่ต้องออกหุ้นกู้ชุดใหม่ เตรียมเปิดตัวอีก 11โครงการใหม่ดันยอดขายทั้งปีเข้าเป้า
ยิ่งตอกย้ำในการเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจ “อสังหาริมทรัพย์” สำหรับ “แสนสิริ”ที่ล่าสุดประกาศผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนออกมาเติบโตอย่างมาก ท่ามกลางแรงซื้ออสังหาฯซบ แต่แสนสิริ สามารถสะสมยอดขายมาแล้วกว่า 5พันล้านบาทในปัจจุบัน และมีสภาพคล่องอีกกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท จากการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย หากดูผลประกอบการในรอบ 9เดือนปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ทั้งสิ้น 28,877 ล้านบาท เติบโตขึ้น 4.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือหากดูเฉพาะไตรมาส 3 มีรายได้ รวมอยู่ที่ 9,415 ล้านบาท
หากดูรายได้จากการขายโครงการในไตรมาส 3 สัดส่วน 2 ใน 3 ยังคงมาจากโครงการแนวราบ โดยมีรายได้หลักมาจากโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรีและซูเปอร์ลักซ์ชัวรีที่แสนสิริเป็นเจ้าตลาด ทั้งการโอนต่อเนื่องของโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา, บูก้าน กรุงเทพกรีฑา, เศรษฐสิริ ดอนเมือง, เศรษฐสิริ บางนา-สุวรรณภูมิ และ เศรษฐสิริ วงแหวน-จตุโชติ
นอกจากนี้ ในส่วนของรายได้จากการขายคอนโดมิเนียมทยอยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และมีอัตรากำไรขั้นต้นของคอนโดมิเนียมที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์แสนสิริที่มีมาอย่างยาวนาน รวมถึงคุณภาพและบริการที่เป็นที่ยอมรับ จนทำให้ระดับสินค้าพร้อมขายของคอนโดมิเนียม (Ready to Move) ณ สิ้นเดือนกันยายนเหลือเพียง 6,900 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำมากหากเทียบกับสินทรัพย์รวมของบริษัท และต่ำที่สุดในตลาด
ยืนยันได้จากความสำเร็จจากการปิดการขาย EDGE Central Pattaya (เอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา) เดอะ มูฟ บางนา และเวย์ โพธิสาร พัทยา แบรนด์น้องใหม่คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ของแสนสิริ รวมถึงคอนโดมิเนียมตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เดอะ เบส ไฮท์-เชียงใหม่ ที่กลุ่มลูกค้าเชียงใหม่ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจในแบรนด์แสนสิริตลอดมา รวมทั้งไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมอยู่บนทำเลใจกลางเมือง โครงการเอ็กซ์ที พญาไท ตลอดจนการจัดแคมเปญและกิจกรรมทางการตลาดที่เข้มข้น จากกลยุทธ์การรักษายอดขายที่ดี
ส่งผลให้ในช่วง 9เดือน บริษัทมีกำไรสทุธิอยู่ที่ 4,009 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิเฉพาะไตรมาส 3 ของปีนี้ อยู่ที่ 1,307 ล้านบาท จากกระแสตอบรับที่ดีจากโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ หรือ Ready to Move ของแสนสิริ ทั้งจากกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติที่ต้องการคอนโดในเมืองและหัวเมืองท่องเที่ยว
นอกจากนี้ยังมีส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Joint Venture ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งในไตรมาส 3 และรอบ 9 เดือน จากการโอนคอนโดมิเนียมเดอะ ไลน์ ไวบ์ มูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท ภายใต้การร่วมทุนระหว่างแสนสิริ และ แรบบิท โฮลดิ้งส์ ในกลุ่มบีทีเอส คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่มียอดขายแล้ว 75% บนสุดยอดทำเลศักยภาพตรงข้ามเซ็นทรัลลาดพร้าว นับเป็นผลการดำเนินงานที่เติบโตตาม Business Direction ที่วางไว้
ทั้งนี้ จากผลประกอบการที่รักษาระดับดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดหมุนเวียนด้วยสภาพคล่องกว่า 15,000 ล้านบาท เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจและจ่ายคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดปีนี้ โดยไม่จำเป็นต้องออกหุ้นกู้ชุดใหม่ สะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารการเงินของบริษัทที่ดีได้เป็นอย่างดี
“ล่าสุด แสนสิริประสบความสำเร็จจากงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 46 ที่ลูกค้ามั่นใจเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกเซ็กเมนต์ ส่งผลให้สร้างยอดขายได้ถึง 2,000 ล้านบาท ทุบสถิติ สร้างประวัติศาสตร์ใหม่จากการจัดงานที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายสะสมตั้งแต่ต้นไตรมาส 4 ถึงปัจจุบัน สูงถึง 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่ายอดขายจากแคมเปญ เว่อร์วัง อลังเซล รวมถึงการเปิดตัวอีก 11 โครงการใหม่ในช่วงที่เหลือของปี จะส่งผลให้ยอดขายทั้งปีเป็นไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้"
โดยโครงการที่จะเปิดในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเน้นไปที่โครงการระดับไฮเอนด์ อาทิ NARINSIRI (ณริณสิริ) แบรนด์ใหม่ล่าสุด ใน 2 โครงการ, เศรษฐศิริ บางนา กม. 10 และงามวงศ์วาน รวมถึง THE TALES STORY ONE – BANGJO (เดอะ เทลล์ สตอรี่ วัน - บางโจ) พูลวิลล่าโครงการใหม่ในภูเก็ตซึ่งเป็น Strategic Location ที่ยังมีเรียลดีมานด์อย่างต่อเนื่องและลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี” นายวิชาญ กล่าว