เครดิตบูโร ชี้หนี้เสียไตรมาส3 แตะ 1.2 ล้านล้าน เอสเอ็มอีรายเล็ก หนี้พุ่ง 20%
เครดิตบูโร เปิดหนี้เสียไตรมาส 3 พุ่งไม่หยุดแตะ 1.2 ล้านล้านตามคาด ห่วงเอสเอ็มอีรายเล็กค้างหนี้พุ่ง ล่าสุดหนี้เสียเพิ่ม 20%
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) โพสต์เฟซบุ๊กถึงภาพรวมหนี้ครัวเรือนไทย ไตรมาส 3 ปี2567
โดยรายงานภาระหนี้สินภาคครัวเรือนจากสถาบันการเงิน 157แห่งที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร ครอบคลุมประชาชนคนไทยและผู้มีถิ่นฐานในประเทศไทยที่มีหนี้สินกับสถาบันการเงินสมาชิก ซึ่งปัจจุบันครอบคลุมประมาณกว่า 30ล้านคน
จากฐานข้อมูลสถิติที่ไม่มีตัวตนในไตรมาสที่ 3ปี 2567 มีรายละเอียดดังนี้
หนี้ครัวเรือนในระบบเครดิตบูโรอยู่ที่ 13.6ล้านล้านบาท(หนี้ครัวเรือนไทยทั้งหมด 16.3ล้านล้านบาท) อัตราการเติบโต 0.5% yoyถ้าเป็น QoQ จะ -0.2%
สรุปคือสินเชื่อไม่โต เศรษฐกิจในไตรมาส 3 เติบโต 3% ในช่วง 9เดือนโต 2.3% สินเชื่อธุรกิจคนตัวเล็ก -4.6%yoy สินเชื่อเบิกเกินบัญชี -4.5%yoy ดำเนินนโยบายไทยคำอังกฤษคำมาจนสินเชื่อให้กับผู้คนเดินถนนถอยลงได้ระดับนี้ต้องกราบขอประชดประชันด้วยการปรบมือชื่นชมครับ..
ภาพที่ 2 ระดับของ NPLs ก็เป็นไปตามคาดมาอยู่ที่ประมาณ 1.2ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.8%ของหนี้รวม 13.6ล้านล้านบาท มันคือเส้นสีแดงที่พุ่งขึ้นมาชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสที่ 1ปี 2566 พักฐานไตรมาสที่ 4ปี2566 แล้วไปต่อตั้งแต่ปี 2567
พร้อมๆกับมาตรการกลับไปสู่ความเป็นปกติ(normalize) เศรษฐกิจค่อยๆโตกลับมาอย่างเชื่องช้า, มีเรื่อง การให้กู้อย่างรับผิดชอบ, การแก้หนี้เรื้อรัง แก้หนี้ครบวงจร
ภาพของเส้นหนี้เสียวิ่งจาก 7.7%สู่ 8.8% วันก่อน IMF. แวะมาคุยที่สำนักงานก็พยักหน้ากับผลกระทบหลังโควิดและยิ้มอ่อนเมื่อถามถึงตัวเลขความสำเร็จของการแก้หนี้แบบครบวงจรตลอดเส้นทางการเป็นหนี้ โดยเฉพาะแก้หนี้เรื้อรังว่ามีจำนวนกี่บัญชีที่เข้ามาตรการแก้ไขปิดจบ หรือมาตรการ debt consolidation ว่ามียอดทำได้เท่าใด
หนี้ NPLs. ประมาณ 1.2ล้านล้านบาทโดยประมาณ เติบโต 14.1%yoy, 3.4%QoQ ใจชื้นตรงที่ NPLs.สินเชื่อบ้าน, รถยนต์, เครดิตคาร์ด, สินเชื่อส่วนบุคคลนิ่งๆ หรือโตไม่มากจากไตรมาสก่อน
แต่ที่กังวลมากคือสินเชื่อธุรกิจคนตัวเล็กหรือ SME.มันเติบโต 20%yoy 5.2%QoQ อันนี้คือประเด็นสำคัญมากๆ
ส่วน SM ยอดคงค้าง Q3 ปี 2567มาหยุดที่ 4.8แสนล้านบาทโดยประมาณ ลดลงมาทั้ง yoy, QoQ น่าจะเบาใจขึ้นได้บ้าง
สุดท้ายคือการปรับปรุงโครงสร้างหนี้หลังเป็นหนี้เสียที่เรียกว่าทำ TDR.ซึ่งตัวเลขสะสมมาอยู่ที่ 1.03ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.6%ของ 13.6ล้านล้านบาท ที่ไม่ค่อยดีคือมันอืด มันเติบโต QoQ. ติดลบประมาณ 3%
ในส่วนของ DR.หรือปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกันก่อนเป็นหนี้เสียยอดสะสมตั้งแต่เมษายน 2567 มาหยุดที่ 1.2ล้านบัญชี 6.45แสนล้านบาท
ทั้งหมดคือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และหลายท่านจะได้นำไปประกอบการพิจารณากับมาตรการแก้หนี้บ้าน หนี้รถยนต์ หนี้ SMEs ที่กำลังจะประกาศความชัดเจนในเร็ววันนะครับ