แบงก์’ ดึงเอไอหนุน ‘ธุรกิจรอด’ หวัง ‘ต้นทุนต่ำ-ลดเสี่ยงปล่อยกู้’

แบงก์’ ดึงเอไอหนุน ‘ธุรกิจรอด’  หวัง ‘ต้นทุนต่ำ-ลดเสี่ยงปล่อยกู้’

“แบงก์พาณิชย์” ดึง “เอไอ” ขับเคลื่อนธุรกิจ “กสิกรไทย-กรุงไทย” ย้ำหากไม่ใช้เอไอรอดยาก แข่งขันไม่ได้ ความพึงพอใจลูกค้าลดลงต่อเนื่อง “ไทยพาณิชย์” หวังใช้เอไอช่วยลดต้นทุนแบงก์สู่ 30% แข่งธุรกิจแบงก์พันธ์ใหม่ยุคดิจิทัล “ทีทีบี” ระบุเอไอช่วยปิดความเสี่ยงปล่อยสินเชื่อ

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ต่างเข้ามามีบทบาทอย่างมากในอุตสาหกรรมธนาคาร โดยเฉพาะการนำ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าในหลากหลายมิติ

ดังนั้น AI จะยิ่งสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อภาคธนาคารในระยะข้างหน้า

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า “เอไอ” จะยิ่งเข้ามามีความสำคัญกับภาคธนาคาร รวมถึงกสิกรไทยมากขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งภายใต้โจทย์ของธนาคารที่ต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพธนาคาร เพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น เพื่อไปสู่เป้าหมายในการเพิ่มรายได้ การเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้นหรือ ROE เป็นสองหลักในอีก 2 ปี ดังนั้น AI จะเข้ามาช่วยธนาคารทำให้ธนาคารไปสู่เป้าหมายเหล่านี้ได้

นอกจากนี้ ที่จะเห็นมากขึ้นในระยะข้างหน้า คือการนำ AI มาช่วยลดความซับซ้อนในการทำธุรกิจ ที่ธนาคารมีการนำมาใช้แล้วในองค์กรในปัจจุบัน และนำมาใช้จับทรานเซกชันหรือธุรกรรมที่มีความเสี่ยงต่างๆ ต่อลูกค้าธนาคารในอนาคต เช่นเดียวกันกับการนำ AI มาใช้ปรับเครดิตสกอริ่ง นำมาใช้ลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ

หากธนาคารไม่ใช่ AI คงไม่รอด

ทั้งหมดนี้มีด้านที่ธนาคารทำไปบ้างแล้ว แต่บางส่วนที่ธนาคารอยู่ระหว่างการนำมาปรับใช้ คือการนำ AI มาช่วยในการลดความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อ หรือใช้ AI มาปล่อยสินเชื่อผ่านดิจิทัล100%ในอนาคต ที่อยู่ระหว่างพัฒนา โดยคาดว่า ผลของการนำAI มาใช้กับองค์กร น่าจะเห็นประสิทธิผลในด้านต่างๆได้ราว 2-3 ปีนับจากนี้

“การนำเอไอมาใช้ในส่วนของธนาคาร อย่างน้อยมีด้าน ที่จะเห็นนำมาใช้มากขึ้น เช่น การประสิทธิภาพองค์กร การจับความเสี่ยง การลดต้นทุนของแบงก์ ซึ่งวันนี้กสิกรไทยเริ่มนำAI มาใช้กับธนาคารมากขึ้น และคาดว่าปี 68 จะเริ่มเห็น AI มาใช้เต็มที่ รุกเต็มที่ แต่ผลของการนำAI มาใช้คาดว่าจะเริ่มเห็น2-3ปีหลังจากนี้”

สุดท้ายแล้ว มองว่า หากแบงก์ไม่นำ “AI” มาใช้ ธุรกิจธนาคารคงไม่รอด เพราะAI จะทำให้ธนาคารบรรลุเป้าหมายต่างๆที่วางไว้ ทั้งการเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร การใช้กับกลุ่มลูกค้าเวลท์ การนำAIมาใช้ในด้านการชำระเงินต่างๆ โดยธนาคารตั้งเป้าการลงทุนด้าน AI และไอทีต่างๆจะอยู่ที่ราว 10%ของกำไรสุทธิในปี 2567

กรุงไทย” ชี้ไม่ใช่ AI ธนาคารแข่งขันไม่ได้

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า AI เป็นสิ่งที่ธุรกิจธนาคารหนีไม่พ้น เป็นสิ่งที่ธนาคารต้องใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ ขององค์กร

แต่สิ่งที่ต้องพึ่งระวังคือ อย่าให้ AI เป็นเพียงคำฮิต เพียงในสภาวะปัจจุบัน อย่าให้ AI เป็นเพียงคำฮิต หรือของเล่นใหม่ แต่ไม่ได้นำ AI มาเพิ่ม Value added องค์กร

ในมุมของกรุงไทย AI จะเข้ามาช่วยสร้างประโยชน์อย่างมาก แต่การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ จะต้องยึดโยงกับเป้าประสงค์ว่าจะนำไปเพิ่มประโยชน์ส่วนใดขององค์กร ต้องมีเป้าหมายว่าจะนำไป ช่วยธนาคาร เพื่อนำไปสู่รายได้ใหม่ๆ ในอนาคต ช่วยให้การลดต้นทุนขององค์กร เพื่อให้เทคโนโลยี AI เกิดประโยชน์มากที่สุด และตอบโจทย์ธนาคารมากที่สุด ควบคู่ไปกับคำนึงถึง สปีดของการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก 

ในส่วนของกรุงไทย มีการนำ AI มาใช้ในหลายบริบทของธนาคาร และจะมีการใช้อย่างต่อเนื่องในระยะข้างหน้า ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร การลดต้นทุน การเพิ่มรายได้ การเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าของธนาคารต่างๆ ดังนั้น AI จะสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

“วันนี้ เราใช้ AI อยู่แล้วในส่วนต่างๆ ขององค์กร และข้างหน้าจะเห็นการใช้ AI มากขึ้น ทั้งการนำมาลดความเสี่ยง การนำมาช่วยปล่อยสินเชื่อต่างๆ และเชื่อว่า หากแบงก์ไม่นำ AI มาใช้ ก็ไม่สามารถแข่งขันได้ ความพึงพอใจของลูกค้าก็จะลดลงเรื่อยๆ”

AI ปิดความเสี่ยงองค์กร-ลดความเสี่ยงปล่อยกู้

นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) มองว่า แบงก์ไม่ใช้ AI ในการดำเนินธุรกิจไม่ได้ เพราะหากไม่นำ AI มาใช้ อาจนำมาสู่ความเสี่ยงขององค์กรได้ในระยะข้างหน้า

เพราะ AI จะนำมาสู่การปิดความเสี่ยงหลายด้านของธนาคาร ทั้งการนำ AI มาช่วยพัฒนาศักยภาพองค์กร ลดความซับซ้อนของงานในองค์กร รวมถึงการนำ AI มาใช้วิเคราะห์ความเสี่ยง วิเคราะห์สินเชื่อที่มีความสำคัญมากขึ้น

ดังนั้น การใช้ AI จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน ทั้งลูกค้าธนาคาร และธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ AI เข้ามาช่วยลดต้นทุนธนาคาร และการใช้บริการรวดเร็วมากขึ้น เช่นจากเดิม หากต้องใช้พนักงานสาขาในการทำธุรกรรมยากๆอาจใช้เวลาเกิน 10 นาที

แต่การใช้ AI เข้ามาช่วย งานดังกล่าวอาจใช้เวลาเพียง 2 นาทีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ให้มีประสิทธิภาพ ต้องใช้ควบคู่กับ “ดาต้า” ของธนาคาร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธนาคาร และให้ธนาคารสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเสนอขายผลิตภัณฑ์ได้ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น สามารถเห็นจังหวะ และโอกาสในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ในเวลาที่เหมาะสม เพื่อเปิดโอกาสในการปิดการขายได้ตรงใจลูกค้ามากที่สุด

“หลักๆ การใช้ AI จะเข้ามาช่วยลดต้นทุนให้แบงก์ แต่การใช้ AI ก็ต้องใช้ควบคู่กับดาต้าที่เรามีด้วย เพื่อให้เราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้มีประสิทธิภาพ ดังนั้นมองว่าเมื่อภาคธนาคารนำAI มาใช้ในการพัฒนาศักยภาพธนาคาร ต้นทุนต่างๆของธนาคารค่อยๆลดลง อนาคตเชื่อว่าช่องทางการให้บริการอื่นๆ เช่นสาขา ก็อาจค่อยๆลดลงชัดเจนใน 3-5ปีนับจากนี้”

ใช้ AI ลดต้นทุนแบงก์แตะ 30%
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวว่า ธนาคารให้ความสำคัญในการใช้ AI กับธุรกิจธนาคารอย่างมาก และมีการนำ AI มาใช้ในหลายมิติ ภายใต้เป้าหมายในการเป็น AI First Bank ที่ถือเป็นยุทธวิธีในการขับเคลื่อนธนาคารหลังจากนี้ 
ปัจจุบันธนาคารมีการนำ AI มาใช้แล้วในหลายส่วนขององค์กร

โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อรายย่อยทั้งหมด ที่ปัจจุบันใช้ AI ทั้งหมดแล้ว รวมไปถึการติดตามหนี้ก็ใช้ AI ในการกลั่นกรองด้านต่างๆ เพื่อให้ธนาคารเห็นความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ดังนั้นในด้านการปล่อยสินเชื่อรายย่อยวันนี้ธนาคารใช้ AI แล้ว 100%

นอกจากนี้ AI ยังมีบทบาทสำคัญ ในการช่วยธนาคาร “ลดต้นทุน”ของธนาคารให้ลดลงต่อเนื่องในระยะข้างหน้า แม้ ปี 2568 การลดต้นทุนอาจไม่ได้เห็นลงมากเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา

แต่การนำ AI มาใช้จะทำให้ต้นทุนของธนาคารลดลงได้ต่อเนื่อง ดังนั้นธนาคารมองว่า ผลของการนำ AI มาใช้จะเริ่มเห็นดอกผล หรือประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนับจาก 2 ปีต่อจากนี้

รวมถึง การนำ AI และเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ ยังทำให้ธนาคารพร้อมที่จะแข่งขันกับคู่แข่งขันใหม่ๆ หรือธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ได้ในระยะข้างหน้าด้วย ดังนั้นการใช้ AI จะช่วยทำให้ธนาคารสามารถมีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจลดลง ใกล้เคียงกับ Virtual Bank ที่ใกล้เคียง 30% จากปัจจุบันที่ 36%