ถูกสรรพากรเรียกตรวจสอบภาษี ต้องเตรียมตัวอย่างไร

เรื่องภาษีไม่เข้าใครออกใคร ถ้ามีรายได้ก็อาจต้องเสียภาษีหากเข้าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แต่เชื่อเถอะว่ายังมีผู้มีรายได้อยู่อีกจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจเรื่องภาษี หรือเข้าใจแต่ก็ไม่ละเอียดมากพอ จนทำให้ต้องเสียเงินแบบไม่รู้ตัวเมื่อถูกสรรพากรตรวจสอบย้อนหลัง ​​​​​​

และทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้มีรายได้ที่เป็นบุคคลธรรมดา และที่ทำธุรกิจในนามนิติบุคคล โดยหากสรรพากรบังเอิญพบความผิดปกติของรายได้ การเสียภาษีของบุคคลใดขึ้นมา กระทั่งมีการเรียกพบเพื่อตรวจสอบภาษี สรรพากรจะส่งจดหมายเรียกพบมาก่อน

โดยในจดหมายจะระบุข้อความหลักๆ เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ที่สรรพากรเรียกพบ เช่น เรียกพบเพื่อขอตรวจสอบ ขอข้อมูล หรือขอเชิญเป็นพยาน เอกสารหลักฐานที่ต้องการเพื่อนำมาชี้แจง และวัน เวลาที่นัดเข้าพบ แต่ถ้าไม่สะดวกสามารถโทรติดต่อขอเลื่อน หรือปรึกษาทางสรรพากรก่อนได้

ทั้งนี้ ในส่วนของเอกสารที่จำเป็นต้องเตรียมเพิ่มเติม นอกเหนือจากที่สรรพากรแจ้งมา หรืออาชีพเฉพาะที่ต้องมีเอกสารสำคัญอย่างเช่นกลุ่มวิชาชีพอิสระ หมอ คลินิก จะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามพร้อมกัน

เอกสารที่จำเป็นต้องเตรียม เมื่อถูกสรรพากรเรียกตรวจสอบภาษี

เอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ควรเตรียมไว้ให้พร้อม เมื่อถูกสรรพากรเรียก ตรวจสอบภาษีย้อนหลัง หลักๆ จะต้องมีหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ของปีภาษีนั้นทั้งหมด และบัญชีรายรับรายจ่ายทั้งปี

หากเป็นนิติบุคคลต้องเตรียมงบการเงิน และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ด้วย

นอกจากนี้ผู้ถูกเรียกพบอาจต้องเตรียมเอกสารอื่นๆ เผื่อไว้ เช่น เอกสารใบกำกับภาษีซื้อ เอกสารใบกำกับภาษีขาย เอกสารสำเนาใบลดหนี้ เอกสารสำเนาใบเสร็จรับเงิน หลักฐานการรับเงินและการจ่ายเงิน แต่ไม่ควรมากจนเกินไป เพราะเอกสารบางอย่างอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ถูกสรรพากรตรวจสอบเพิ่มได้

เอกสารที่ต้องเตรียมเพิ่มเติมสำหรับวิชาชีพอิสระ เมื่อถูกสรรพากรเรียกพบ

ความพิเศษของการประกอบธุรกิจในสายวิชาชีพอิสระ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แพทย์ นักบัญชี วิศวกรรม เป็นต้น จะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และหากเปิดเป็นคลินิกของตนเองก็จำเป็นต้องมีใบขออนุญาตเปิดคลินิกด้วย

ดังนั้น เมื่อมีถูกสรรพากรเรียกพบตรวจสอบภาษีย้อนหลัง ควรเตรียมเอกสารไว้ให้ครบ เช่น

- ใบประกอบวิชาชีพโรคศิลปะ เพื่อยืนยันการมีสิทธิในการประกอบวิชาชีพแพทย์

- ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการเปิดสถานพยาบาลอย่างถูกต้องตามกฎหมายจริง

- สัญญาว่าจ้างแพทย์ เป็นเอกสารเพื่อยืนยันข้อตกลงในการจ้างแพทย์  

- สัญญาเช่าใช้สถานที่กรณีเช่าสถานที่เปิดคลินิก
​และในกรณีที่เป็นพนักงานประจำ มีเงินเดือน หรือค่าที่ปรึกษา ซึ่งจัดอยู่เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 (มาตรา 40(1)) และเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 2 (มาตรา 40(2)) จำเป็นต้องเตรียมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย จากนิติบุคคลผู้ว่าจ้างที่หักเงินไปด้วย และในบางกรณีอาจต้องเตรียมทะเบียนคนไข้ เพื่อเปรียบเทียบประวัติคนไข้กับใบเสร็จรับเงินและความถูกต้องของรายได้ที่ได้รับด้วย

สรุป... ไม่อยากถูกสรรพากรเรียกตรวจสอบย้อนหลัง เอกสารทั้งหมดต้องเก็บให้ครบ

เอกสารหลักฐานที่กล่าวมาทั้งหมด บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลควรเก็บไว้ให้ครบ เพื่อให้พร้อมใช้เสมอเมื่อถูกสรรพากรเรียกพบตรวจสอบภาษี ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้  ​

1.บุคคลธรรมดา กรณีสรรพากรเรียกพบเพื่อขอทราบข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เช่นยื่นภาษีบุคคลธรรมดาขาดไป ไม่ได้ยื่นภาษี เอกสารจำเป็นที่ต้องนำไปด้วยคือ

- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายของปีภาษีนั้นทั้งหมด
- บัญชีรายรับรายจ่ายตลอดทั้งปี
- รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ในกรณีที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้

นอกจากนี้ควรเตรียมเอกสารค่าลดหย่อนต่างๆ ที่ได้ทำการยื่นภาษีไว้หรือที่มีเผื่อไปด้วยในกรณีที่สรรพากรขอดูเพิ่มเติม

2.นิติบุคคล กรณีสรรพากรเรียกพบเพื่อตรวจสอบข้อมูลภาษีเงินได้นิติบุคคล เอกสารที่จำเป็นต้องเตรียมไปก็จะเหมือนกับบุคคลธรรมดาคือ

- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายในปีภาษีนั้นทั้งหมด
- บัญชีรายรับรายจ่ายทั้งปี
- งบการเงิน
- รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ในกรณีที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้

ดังนั้น ไม่ว่าจะทำธุรกิจในนามบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล หากมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนดย่อมมีหน้าที่ต้องเสียภาษีทุกคน เพื่อไม่ให้เกิดการเรียกตรวจสอบภาษีย้อนหลัง ทำให้ต้องภาษี เสียเบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม อย่าลืมเก็บเอกสารหลักฐานทางภาษีไว้ให้ครบ และยื่นภาษีให้ถูกต้องครบถ้วนตรงเวลา

 

อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติม คลิกที่นี่
Source : Inflow Accounting