เปิดแผน ‘5ธนาคาร‘ ปี68 เอสซีบีเอกซ์ มุ่งโต ‘ธุรกิจนอกตปท.-เวอร์ชวลแบงก์’

เปิดแผน ‘5ธนาคาร‘ ปี68 เอสซีบีเอกซ์ มุ่งโต ‘ธุรกิจนอกตปท.-เวอร์ชวลแบงก์’

เปิดแผนธุรกิจ‘5ธนาคาร’ปี68 ‘เอสซีบี เอกซ์’ มุ่งโต จากธุรกิจนอกประเทศ-เวอร์ชวลแบงก์ “กสิกรไทย-กรุงเทพ-กรุงไทย-ทีทีบี” เดินหน้าเพิ่มศักยภาพมุ่งสร้างการโตยั่งยืน

เปิดแผน ‘5ธนาคาร‘ ปี68 เอสซีบีเอกซ์ มุ่งโต ‘ธุรกิจนอกตปท.-เวอร์ชวลแบงก์’ เป็นประจำทุกปี “กลุ่มธนาคารพาณิชย์” (แบงก์) จะเริ่มทยอยประกาศ “แผนธุรกิจ” สอดรับในปี 2568 “5 ธนาคาร” ประกาศแผนออกมาแล้วบ่งชี้ให้เห็นทิศทางแผนธุรกิจมีความชัดเจนมากขึ้น

ทั้งการตั้งเป้าหมายการเติบโตด้าน“สินเชื่อ”รวมถึงกลยุทธ์การเติบโตในธุรกิจของธนาคาร

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กล่าวว่า เป้าหมายธุรกิจปีนี้ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตที่ 1-3% สอดคล้องการเติบโตเศรษฐกิจ

โดยคาดการณ์ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 3.6-3.8% บนคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ย 1 ครั้งที่ 0.25%

 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญสำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิขึ้นอยู่กับการเติบโตสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงในธุรกิจ Gen2 และขนาดของการปรับโครงสร้างหนี้ที่บริษัทจำเป็นต้องเข้าดำเนินการ ในส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิคาดว่าจะอยู่ที่ 2-4%

ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และการฟื้นตัวรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกัน รวมถึงค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นจากธุรกิจ Gen2และ Gen3

ในส่วนอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ มีเป้าหมายอยู่ในช่วง 42-44% โดยมุ่งเน้นในการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโครงการเชิงกลยุทธ์ในด้านความปลอดภัยด้านไซเบอร์ และศูนย์แห่งความเป็นเลิศด้านระบบคลาวด์ และค่าใช้จ่ายด้านไอทีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตต่อสินเชื่อคาดจะอยู่ที่ 1.50-1.70% โดยได้คำนึงถึงมาตรการเชิงรุก กรอบการบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง และแนวทางปฏิบัติในการจัดการต้นทุนด้านเครดิตที่มีประสิทธิภาพและกลยุทธ์ การติดตามหนี้ที่แข็งแกร่ง เป้าหมายดังกล่าวอาจมีเปลี่ยนแปลงได้จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงในอนาคต 

โดยการเติบโตปี 2568 บริษัทยังเดินกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนการเติบโต โดยการเน้นเพิ่มประสิทธิภาพและมูลค่าในระยะยาว และ SCBX ยังคงมุ่งอย่างแน่วแน่ในการที่จะบรรลุวิสัยทัศน์ในการเป็น “กลุ่มเทคโนโลยีทางการเงินที่น่าชื่นชมที่สุดในภูมิภาค”

จากการสร้างรากฐานที่มั่งคง โดยบริษัทได้ปรับปรุงและลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนการเติบโต เพิ่มประสิทธิภาพดำเนินงาน และสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย

 ด้านการเติบโตเชิงกลยุทธ์และการจัดการสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ SCBX จะใช้แนวทางที่มีความเคร่งครัดในการบริหารพอร์ต และคว้าโอกาสใหม่ๆ เพื่อการเติบโต เช่น การลงทุนธุรกิจเชิงกลยุทธ์ อย่าง Home Credit Vietnam (HCVN) ที่บริษัทยังคงทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อขออนุมัติในการเข้าซื้อกิจการ 

โดยเชื่อว่า HCVN จะสร้างผลกำไรเพิ่มให้กับกลุ่ม โดยมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากขนาดธุรกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น และมีต้นทุนการระดมทุนที่สามารถแข่งขันได้

รวมไปถึงธุรกิจ Virtual Bank ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการขอใบอนุญาต โดยคาดว่าเมื่อได้รับการอนุมัติ บริษัทจะมุ่งหวังที่จะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มในการให้บริการที่ล้ำสมัย และเน้น

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทายเพิ่มขึ้น ธนาคารยังคงมุ่งเน้นสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย โดยเฉพาะการส่งมอบผลตอบแทนที่มั่นคงให้กับผู้ถือหุ้น และดูแลช่วยเหลือลูกค้าด้านต่างๆ อย่างเหมาะสม

รวมถึงการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม โดยการดำเนินธุรกิจของธนาคารปีนี้ ยังคงเดินกลยุทธ์อย่างยั่งยืน ผ่านการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 3+1 และการจัดการเพิ่มประสิทธิภาพดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต (TTB) กล่าวว่า ยังเดินหน้าตามแผนการบริหารส่วนทุนให้มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นปรับโครงสร้างส่วนทุนให้มีความเหมาะสม เช่น การไถ่ถอนตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 และลดขนาดการออกตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2

 ที่สำคัญคือการบริหารการใช้เงินทุนส่วนเกิน ให้เกิดประโยชน์ผ่านหลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มอัตราเงินปันผลขึ้นมาแตะระดับ 60% เทียบกับระดับ 30%-35% ในช่วงก่อนรวมกิจการ

รวมถึงการสร้างโอกาสในการเติบโตผ่านการเข้าซื้อหุ้นในกิจการที่ส่งเสริมกัน โดยปัจจุบันธนาคารได้เข้าทำ Non-Binding MOU และอยู่ในขั้นตอนการทำ Due Diligence เพื่อพิจารณาการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ธนชาตและบริษัท ที ลิสซิ่ง การดำเนินการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของธนาคารในการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

โดยปี 2568 ทีทีบีจะยังคงมุ่งมั่น และเน้นย้ำดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบภายใต้กรอบ B+ESG เพื่อสร้างการเติบโตที่มีคุณภาพสามารถสร้างประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งสานต่อพันธกิจมุ่งมั่นให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น 

ขณะที่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) ระบุว่า การเติบโตปี 2568 ยังมุ่งเน้นขับเคลื่อนองค์กรภายใต้แนวคิด “Corporate Value Creation เสริมทักษะ สร้างคุณค่าสู่อนาคต” เสริมสร้างและพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นในอนาคต ให้แก่พนักงาน และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีและสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าของธนาคารในทุกมิติ เพื่อสร้างการเติบโต และมูลค่าทางเศรษฐกิจบนความไว้วางใจลูกค้า นำไปสู่การโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนในอนาคต

สุดท้ายธนาคารกรุงเทพ (BBL) ยังมองกลยุทธ์ปี 2568 มุ่งเน้นสนับสนุนลูกค้า ทั้งด้านเงินทุนและองค์ความรู้ที่เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจยุคใหม่ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในโลกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้ลูกค้าในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

ตลอดจนสนับสนุนลูกค้าให้ได้ประโยชน์จากโอกาสในการขยายกิจการไปยังต่างประเทศ ขณะเดียวกันธนาคารยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง พร้อมทั้งยึดมั่นแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม โดยให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและการโตอย่างยั่งยืน