การค้าโลกป่วน จ่อฉุด ‘ริงกิต’ มาเลเซียอ่อนค่า จับตาแบงก์ชาติลดดอกเบี้ย

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “ค่าเงินริงกิต” ของมาเลเซีย ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของเอเชียในปีที่แล้วอาจ “อ่อนค่าลง” เนื่องจากนักลงทุนเตรียมตัวรับมือกับความเป็นไปได้ที่จะมีการ “ลดดอกเบี้ย” ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าเพิ่มสูงขึ้น

นักวิเคราะห์จากธนาคาร Credit Agricole และ Malayan Banking Bhd คาดการณ์ว่า เงินริงกิตของมาเลเซียอาจอ่อนค่า ลดลงไปสู่ระดับ 4.6 ริงกิตต่อดอลลาร์ภายในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้

โดยล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ (17 มี.ค.)เงินริงกิตได้แข็งค่าขึ้น 0.3% มาอยู่ที่ 4.4350 ริงกิตต่อดอลลาร์

เดวิด ฟอร์เรสเตอร์ จากธนาคาร Credit Agricole  คาดการณ์ว่านโยบายภาษีของประธานาธิบดี “โดนัล ทรัมป์” อาจทำให้ธนาคารกลางมาเลเซียจำเป็นต้องตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2568  ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการค้าโลกที่อาจชะลอตัว และเศรษฐกิจจีนที่กำลังซบเซา

นักลงทุนในตลาดการเงินปัจจุบันคาดการณ์ว่า มีโอกาสเพิ่มขึ้นที่แบงก์ชาติมาเลเซียจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% จุด ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า  

2 ปัจจัยกดดัน ‘ริงกิต’

การที่สหรัฐอเมริกาเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของมาเลเซีย จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมาเลเซีย โดยความผันผวนของ “ค่าเงินหยวน” ของจีนอาจส่งผลกระทบต่อเงินริงกิตด้วย  

นโยบายการเก็บภาษีนำเข้า “ชิป” ของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศต่างๆ ในอาเซียนด้วย โดยเฉพาะมาเลเซียซึ่งสหรัฐอเมริกาถือเป็นตลาดส่งออกสินค้าเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จาก Maybank มองว่าแม้ว่าเงินริงกิตของมาเลเซียจะเผชิญแรงกดดัน แต่ก็มีโอกาสที่ค่าเงินริงกิตจะดีขึ้นได้ จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางของสหรัฐ(เฟด) อาจจะลดดอกเบี้ยลงอีก เนื่องจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ ก็อาจจะทำให้ค่าเงินริงกิตแข็งค่าขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 4.35 ริงกิตต่อดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ 

ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปุจจุบัน ค่าเงินริงกิตแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยประมาณ 0.6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์