ค่าเงินบาทวันนี้ 21 มี.ค.68 ‘ทรงตัว’ ตามดอลลาร์ได้แรงหนุน

ค่าเงินบาทวันนี้ 21 มี.ค.68 เปิดตลาด “ทรงตัว“ที่ 33.73 บาทต่อดอลลาร์ “กรุงไทย” ชี้ขึ้นลงตามดอลลาร์ หลังเศรษฐกิจสหรัฐดี มองกรอบเงินบาทวันนี้ 33.65-33.85 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า "ค่าเงินบาทวันนี้"เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.73 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.65-33.85 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท(USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.69-33.83 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หนุนโดยการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินฝั่งยุโรป อย่างเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.50% ตามคาด ทว่า BOE ได้ส่งสัญญาณเตือนว่า แนวโน้มเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง จากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนบ้าง จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่ที่ออกมาดีกว่าคาด อาทิ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ที่ระดับ 2.23 แสนราย และดัชนีภาคการผลิตโดย เฟด สาขา Philadelphia ที่สูงขึ้นแตะระดับ 12.5 จุด
นอกจากนี้ เงินบาทยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลงของราคาทองคำ (XAUUSD) ก่อนที่เงินบาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงรอทยอยขายเงินดอลลาร์ อีกทั้ง รายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (Leading Indicator) โดย Conference Board ก็ปรับตัวลดลง -0.3% แย่กว่าที่ตลาดคาด และทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างยังคงกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ กดดันให้เงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้าง ขณะเดียวกัน ราคาทองคำก็สามารถรีบาวด์กลับมาแกว่งตัวแถวโซน 3,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่กลับมาร้อนแรงขึ้น
แนวโน้มค่าเงินบาท
เรามองว่า เงินบาท (USDTHB) อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อน เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า ควรจับตา การแถลงข่าวภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ในช่วง 10.00 น. ซึ่งทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้แถลงข่าว ทำให้เรามองว่า การแถลงข่าวดังกล่าวอาจมีประเด็นที่น่าสนใจ เช่น รายงานยอดการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่อง หรือดุลการค้าที่เกินดุลกว่าคาดได้ ซึ่งหากคาดการณ์ดังกล่าวเป็นจริง ก็อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้บ้าง
แต่เรามองว่า การแข็งค่าของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากราคาทองคำยังมีทิศทางที่ไม่แน่นอน และเริ่มเสี่ยงเผชิญแรงขายเพิ่มเติมจากบรรดาผู้เล่นในตลาด ซึ่งหากราคาทองคำย่อตัวลงบ้าง หรืออยู่ในช่วงการพักฐาน ก็อาจกดดันให้เงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ดังที่ได้เห็นในช่วงสัปดาห์นี้ โดยเราประเมินว่า เงินบาทยังพอมีโซนแนวรับแถว 33.60-33.70 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวต้านก็อาจติดอยู่ในช่วง 33.80-33.90 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเราเห็นความต้องการทยอยขายเงินดอลลาร์จากบรรดาผู้เล่นในตลาดอยู่บ้างในช่วงนี้
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มุมมองการลงทุนทั่วโลก
บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ชะลอการเปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังในการประชุม FOMC ของเฟดล่าสุด เฟดได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจและย้ำว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง สอดคล้องกับคำเตือนของบรรดาธนาคารกลางหลักอื่นๆ ทั้ง BOE และ ECB ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.22%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวลง -0.43% ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังบรรดาธนาคารกลางหลัก ไม่ว่าจะเฟด BOE และ ECB ต่างแสดงความกังวลว่า การดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ได้ทำให้ทิศทางเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม จากแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมทหารที่ปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงก่อนหน้า อาทิ Rheinmetall -3.2%
ในส่วนตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ โดยรวมยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 4.26% แม้ว่าจะมีจังหวะย่อตัวลงบ้าง สู่เข้าใกล้ระดับ 4.17% ตามภาวะระมัดระวังตัวของผู้เล่นในตลาด รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน ทว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ยังไม่สามารถปรับตัวลงต่อเนื่องได้ หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนเริ่มทยอยขายทำกำไรการถือครองบอนด์ออกมาบ้าง ในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวลง อีกทั้ง ราคาน้ำมันดิบก็ทยอยปรับตัวสูงขึ้น ตามสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ร้อนแรง ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็เป็นไปอย่างจำกัด จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติมและปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่ชัดเจน
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้าง ในลักษณะ Sideways Down โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการอ่อนค่าลงของสกุลเงินฝั่งยุโรป และแรงหนุนจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด แต่เงินดอลลาร์ก็ยังคงเผชิญแรงกดดันจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งถูกตอกย้ำด้วยรายงานดัชนีชี้นำ (Leading Indicator) ล่าสุดที่ออกมาต่ำกว่าคาด ทว่า เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ตามจังหวะการรีบาวด์ขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 103.8 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.7-104.1 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ ภาวะระมัดระวังตัวของตลาดการเงินโดยรวม และสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมถึง สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ร้อนแรงขึ้น อีกทั้งจังหวะย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. 2025) สามารถทยอยรีบาวด์ขึ้น กลับสู่โซน 3,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ในฝั่งไทย เรามองว่า ควรติดตามรายงานยอดการค้าระหว่างประเทศ (Exports and Imports) ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้แถลงข่าว ทำให้น่าติดตามว่า อาจมีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับรายงานยอดการค้าระหว่างประเทศและแนวโน้มในอนาคตในการแถลงข่าวครั้งนี้ได้