‘กรุงเทพประกันภัย‘ ถกนลท. ‘จีน’ สร้างอู่ซ่อมรถอีวี ลดค่าซ่อม

“กรุงเทพประกันภัย” รับอยู่ระหว่างการศึกษาและพูดคุยกับ “นักลงทุนจีน” เพื่อสร้าง “อู่ซ่อมรถยนต์อีวี” หลังค่าซ่อมแพง-อะไหล่พุ่ง หวังช่วยลดค่าซ่อมลง
ดร.อภิสิทธิ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) BKI กล่าวว่า ล่าสุด BKI อยู่ระหว่างศึกษา และพูดคุยในการร่วมทุนกับนักลงทุนจีน เพื่อเข้ามาลงทุนสร้างอู่ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างพูดคุย และศึกษารายละเอียด
โดยมองการซ่อมรถยนต์อีวีในปัจจุบัน ต้องซ่อมรถผ่านศูนย์ของดีเลอร์ ซึ่งมีต้นทุนค่อนข้างสูง และค่าซ่อมค่อนข้างแพง ดังนั้น หากบริษัทสามารถพัฒนา หรือ สร้างอู่ซ่อมรถอีวีได้ที่เป็นอู่ในสัญญา เพื่อซ่อมรถอีวีที่เกิดความเสียหายด้วยมาตรฐานเดียวกับศูนย์ จะทำให้ควบคุมราคาและซ่อมให้ถูกลง
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างหารือกับเวนเดอร์จากจีนที่จะนำอะไหล่เข้ามามากขึ้น เพื่อให้ต้นทุนอะไหล่ต่างๆถูกลงด้วย
“วันนี้เราอยู่ระหว่างการศึกษาพูดคุยกับนักลงทุนจีน เพื่อสร้างอู่ซ่อมรถอีวีโดยเฉพาะ ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่าจะชัดเจนเมื่อไหร่ แต่มองว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ตลาดพร้อม มีอู่ซ่อมรถอีวี จะทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น ราคาซ่อมต่างๆ ก็จะลดลง ทำให้เราอาจขับเคลื่อนไปแข่งรับประกันรถอีวีได้มากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีการรับประกันรถยนต์อีวี อยู่ที่ 7,000 คัน จากในตลาดที่มีรถอีวีทั้งระบบที่ 1.6 แสนคัน โดยมีเบี้ยประกันรับรวมที่ 215 ล้านบาท ดังนั้น ถือว่าค่อนข้างน้อย ซึ่งเหตุผลที่บริษัทยังไม่มุ่งเน้นขยายการเติบโต เพราะปัจจุบัน Combined Ratio อยู่ระดับสูงแตะ 100% และมีอัตราการสูญเสีย (loss ratio) อยู่ระดับ 67-68% สะท้อนบริษัทยังไม่มีกำไรในการรับประกันรถยนต์อีวี
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทยังไม่มีแผนเพิ่มเบี้ยประกันรถยนต์อีวีเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาประกันของบริษัทถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดอยู่แล้ว
ดังนั้น ในปี 2568 นี้ จะเป็นก้าวครั้งสำคัญที่จะสร้างโอกาสใหม่ในการขยายธุรกิจให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง และมั่นคงพร้อมยกระดับองค์กรให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ภายใต้แนวคิด Distinguished Excellence ที่มุ่งสร้างความเป็นเลิศที่โดดเด่น และแตกต่าง ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนยุคใหม่
ควบคู่กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการบริการที่ตรงใจ นำเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชันมาเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงาน พร้อมทั้งการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และความสามารถรอบด้าน
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2568 กรุงเทพประกันภัยได้ตั้งเป้าหมายด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 34,200 ล้านบาท เติบโต 8% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 14,700 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์ หรือ Non-Motor 19,500 ล้านบาท
โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทั้งในด้านความสะดวก รวดเร็ว และความพึงพอใจสูงสุดในทุกการบริการ
“เมื่อปีนี้เป็นปีที่ยาก แต่ก็ไม่มีใครที่อยากโต และการโตจะโตบนการแข่งขันที่สูง ดังนั้น เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก เพราะหนี้ครัวเรือนสูงหากเทียบกับจีดีพีกว่า 90% แปลว่าเงินในกระเป๋าของผู้บริโภคมีน้อยลงเรื่อยๆ ความเปราะบางของเอสเอ็มอีมีมากขึ้น แต่เรายังตั้งเป้าการเติบโตปีนี้ที่ 8% ดังนั้น ทำอย่างไรให้เราอยู่บนเวลาของการแข่งขันนี้ได้ เราต้องสร้างความโดดเด่นและแตกต่างให้ได้”