‘ทิสโก้’แนะปรับพอร์ต ลงทุนหุ้นแบงก์-พลังงาน ลดความผันผวน

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ แนะปรับพอร์ตรับผลกระทบทรัมป์ ชูลงทุนหุ้นสถาบันการเงิน พลังงานของสหรัฐฯ น้ำมันดิบ เพิ่มโอกาสสร้างกำไร
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นโลกเผชิญกับแรงขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับลดประมาณ 10% จากจุดสูงสุด
นำโดยหุ้นกลุ่ม “7 นางฟ้า” ที่เคยเป็นผู้นำตลาดในช่วงขาขึ้น กลับกลายเป็นตัวฉุดตลาดในรอบนี้
โดยปัจจัยหลักที่กดดันตลาดมาจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มอ่อนแอลงแรง ทำให้นักวิเคราะห์มองว่าอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย จากทั้งสงครามการค้าที่จะยิ่งทำให้ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น
ดังนั้นในภาวะตลาดผันผวนนี้ TISCO ESU แนะนำให้นักลงทุน “ปรับพอร์ต” เน้นกลุ่มที่รับประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคล และลดความเสี่ยงจากการถูกตอบโต้จากสงครามการค้า ในกลุ่มแบงก์ กลุ่มพลังงาน และน้ำมัน ที่มีมีแนวโน้มฟื้นตัวแข็งแกร่งในระยะข้างหน้า
“ในกรณีเลวร้าย หากสงครามการค้ายกระดับขึ้น คาดกระทบกำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ 4-5% มองไปข้างหน้า ตลาดหุ้นยังมีปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จากความพยายามในการลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% เหลือ 15% ซึ่ง จะส่งผลบวกต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ราว 4%”
อย่างไรก็ตามมองว่า การลงทุนภายใต้บริบทโลกที่เปลี่ยนไป ตราสารหนี้โลก จะเป็นทางเลือกที่ช่วยลดความผันผวนที่เกิดจากปัจจัยเฉพาะของแต่ละประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้
หากลงทุนในตราสารหนี้โลกในช่วงนี้ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากผลตอบแทนที่แท้จริง ของพันธบัตรรัฐบาลฝรั่งเศสและเยอรมนีปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 15 ปีแล้ว
ดังนั้นควรพิจารณาการลงทุนในตราสารหนี้โลกที่มีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ซึ่งเริ่มเห็นการ Outperformed พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แล้วในช่วงมี.ค.ที่ผ่านมา
อีกสินทรัพย์ ที่มีโอกาสได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคือ น้ำมัน แม้ล่าสุดราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลงติดต่อกันนานกว่า 7สัปดาห์
แต่Tisco มองว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบ 70 – 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในช่วงกลางปีนี้ตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงโตแค่ 2.1%จากความเสี่ยงทางการค้ารุนแรงจากมาตรการภาษีทางการค้าสหรัฐ การฟื้นตัวท่องเที่ยวล่าช้ากว่าที่คาด อาจกระทบเศรษฐกิจมากกว่าที่คิด เศรษฐกิจไทยมีโอกาสต่ำลงไปที่ 2.1% จากเดิมที่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวที่ 2.8% ดังนั้นมองว่าจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 1-2ครั้ง มาอยู่ที่ระดับ 1.50-1.75%