'จีแคป' มองทองร่วงแค่พักในแนวโน้มขาขึ้น ดันเป็นสินทรัพย์ลงทุนหลัก

"จีแคป โกลด์" ยกทองคำสินทรัพย์หลัก 10-15% ของพอร์ต ไม่ใช่เครื่องมือกระจายความเสี่ยง สะท้อนปัจจัยโครงสร้างระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลง-ไม่มั่นใจสกุลเงินหลัก ราคาย่อตัวหลังทะลุ 3,500 ดอลลาร์ แค่พักฐานในแนวโน้มขาขึ้น
นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย นักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำในปี 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ $3,500 ต่อออนซ์ สะท้อนถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงไปในระบบเศรษฐกิจโลกที่ต้องเผชิญกับความเปราะบางรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของตลาดทุน การเปลี่ยนผ่านเชิงนโยบายของรัฐบาลมหาอำนาจ หรือความไม่แน่นอนในแนวทางการดำเนินนโยบายการเงิน ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากหันกลับมาให้น้ำหนักกับทองคำในฐานะสินทรัพย์หลัก ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือกระจายความเสี่ยงอีกต่อไป
นักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป ยังได้แนะนำกลยุทธ์การลงทุน โดยอ้างอิงจากโครงสร้างราคาปัจจุบันยังคงแสดงภาพของแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีแนวรับสำคัญที่ $3,000 ต่อออนซ์ หากเกิดการพักตัว ก็จะเป็นเพียงการพักตัวในแนวโน้มขาขึ้น และมีแนวรับระยะสั้นภายในสัปดาห์ ที่ $3,285 / $3,225-$3,200 ต่อออนซ์ คิดเป็นราคาทองคำไทย ประมาณ 51,700 / 50,800 บาท
ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ระดับ $3,485 ต่อออนซ์ และ $3,552 ต่อออนซ์ คิดเป็นราคาทองคำไทย 54,500 และ 55,300 บาท ตามลำดับ ดังนั้นจึงแนะนำนักลงทุนระยะสั้น โดยพิจารณาใช้จังหวะในการเล่นย่อ เพื่อสะสมตามแนวรับ, นักลงทุนระยะกลางถึงยาว ควรพิจารณาการถือทองคำ ในสัดส่วน 10–15% ของพอร์ต
นอกจากนี้ ยังคงแนะนำเกาะติดประเด็นกำแพงภาษี โดยล่าสุด ปธน.ทรัมป์ เริ่มมีความลังเล ที่จะขึ้นภาษีจีน เพราะมาตรการภาษีอาจทำให้การค้าระหว่างกันหยุดชะงัก แต่ขณะเดียวกันก็ประกาศ เก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือสำหรับสินค้าที่เข้าเทียบท่าในสหรัฐฯ ในอัตราที่สูง รวมถึงการเจรจายุติโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้