เช็ก ‘10 ไอพีโอ’ ผลงาน & เซียน ตีกราฟราคาหุ้นวิ่งต่อจากวันแรก !

นับตั้งแต่ต้นปี 2566 หนึ่งในความ “คึกคัก” และ “สร้างสีสัน” ให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) คงหนีไม่พ้นการระดมทุน “หุ้นไอพีโอ” ตบเท้าเข้าระดมทุนนับตั้งแต่ต้นปี (ม.ค.-มี.ค.2566) ผ่านมา 3 เดือน พบสมาชิกใหม่ติดป้ายมหาชนแล้วรวม “10 บริษัท” กระจายในหลากหลายหมวดธุรกิจ ! 

“กรุงเทพธุรกิจ” สำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. 2566 พบมี “10 หุ้นไอพีโอ” ที่เข้าระดมทุนต่างมีราคาเพิ่มขึ้นจากราคาขาย IPO วันแรกทั้งสิ้น “หุ้นตัวแรก” เข้าซื้อขาย (เทรด) วันแรก คือ บมจ. เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล หรือ SAF ประกอบธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง 

หุ้น SAF เปิดเทรดที่ 4.80 บาท เพิ่มขึ้น 148.70% จากไอพีโอ 1.93 บาท ปัจจุบัน “รีเทิร์น” ลดลงจากไอพีโอ 26.42% ราคาปิดที่1.42 บาท (17 มี.ค.) ขณะที่ปี 2565 มี กำไรสุทธิ ที่ 10 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 กำไร 15.53 ล้านบาท 

บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ หรือ MASTER ดำเนินธุรกิจสถานพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามครบวงจรภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช” ให้บริการศัลยกรรมได้หลากหลาย หุ้น MASTER เปิดเทรดที่ 62.25 บาท เพิ่มขึ้น 35.33% จากไอพีโอ 46 บาท ปัจจุบันรีเทิร์นเพิ่มขึ้นจากไอพีโอ 81.52% ราคาปิดที่ 83.50 บาท (17 มี.ค.) ขณะที่ปี 2565 มี กำไรสุทธิ ที่ 300.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกำไร 162.80 ล้านบาท 

บมจ. สิวารมณ์ เรียลเอสเตท หรือ SVR ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดกรุงเทพฯ และปริมณฑล หุ้น SVR เปิดเทรดที่ 3.26 บาท เพิ่มขึ้น 48.18% จากไอพีโอ 2.20 บาท ปัจจุบันรีเทิร์นลดลงจากไอพีโอ 35.45% ราคาปิดที่ 1.42 บาท (17 มี.ค.) ขณะที่ปี 2565 กำไรสุทธิ 56.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่กำไร 51.59 ล้านบาท 

บมจ. นิวทรีชั่น เอสซี หรือ NTSC ประกอบธุรกิจนำเข้า ผลิตและจำหน่ายวัตถุดิบ สารปรุงแต่ง วัตถุเจือปนอาหาร วัตถุแต่งกลิ่นรส สารเสริมอาหาร และเครื่องปรุงต่างๆ ในอาหารคน และนำเข้าผลิตและจำหน่ายวัตถุเจือปนสำหรับสัตว์ หุ้น NTSC เปิดเทรดที่ 38 บาท เพิ่มขึ้น 44.46% จากไอพีโอ 26.25 บาท ปัจจุบันรีเทิร์นเพิ่มขึ้นจากไอพีโอ 12.38% ปิดที่ 29.50 บาท (17 มี.ค.) ขณะที่ปี 2565 กำไรสุทธิ 77.06 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนกำไร 98.79 ล้านบาท 

บมจ. เมพ คอร์ปอเรชั่น หรือ MEB ดำเนินธุรกิจจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ผ่านเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน meb และ readAwrite บนระบบปฏิบัติการต่างๆ หุ้น MEB เปิดเทรดที่ 44.25 บาท เพิ่มขึ้น 55.26% จากไอพีโอ 28.50 บาท ปัจจุบันรีเทิร์นเพิ่มขึ้นจากไอพีโอ 38.59% ปิดที่ 39.50 บาท (17 มี.ค.) ขณะที่ปี 2565 กำไรสุทธิ 330.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกำไร 274.86 ล้านบาท 

บมจ. พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช หรือ PQS ดำเนินธุรกิจผลิต และจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และแป้งมันสำปะหลังดัดแปร จำหน่ายสินค้าให้ผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารเป็นหลัก หุ้น PQS เปิดเทรดที่ 14 บาท เพิ่มขึ้น 133% จากไอพีโอ 6 บาท ปัจจุบันรีเทิร์นลดลงจากไอพีโอ 31% ปิดที่ 4.14 บาท (17 มี.ค.) ขณะที่ปี 2565 กำไรสุทธิ 283.65 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนกำไร 313.82 ล้านบาท 

บมจ. บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป หรือ BVG ธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชันสำหรับบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์ (ระบบ EMCS) หุ้น BVG เปิดเทรดที่ 6.35 บาท เพิ่มขึ้น 64.94% จากไอพีโอ 3.85 บาท ปัจจุบันรีเทิร์นเพิ่มขึ้น 88.31% ปิดที่ 7.25 บาท (17 มี.ค.) ขณะที่ปี 2565 กำไรสุทธิ 54.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกำไร 35.08 ล้านบาท 

บมจ. เรดดี้แพลนเน็ต หรือ READY ธุรกิจเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการขาย และการตลาดดิจิทัลแบบรวมเป็นหนึ่งเดียว ที่ครอบคลุมด้านเว็บไซต์ โฆษณาออนไลน์ ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า และแพลตฟอร์มการจองโรงแรมโดยตรง หุ้น READY เปิดเทรดที่ 10.70 บาท เพิ่มขึ้น 46.58% จากไอพีโอ 7.30 บาท ปัจจุบันรีเทิร์นเพิ่มขึ้นจากไอพีโอ 78.08% ปิดที่ 13 บาท (17 มี.ค.) ขณะที่ปี 2565 กำไรสุทธิ 20.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกำไร 13.82 ล้านบาท 

บมจ. เชฎฐ์ เอเชีย หรือ CHASE ให้บริการด้านบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (AMC) (เน้นไม่มีหลักประกัน) และการเจรจาติดตามทวงถาม และเร่งรัดหนี้สิน รวมถึงการดำเนินคดีแบบครบวงจร หุ้น CHASE เปิดเทรดที่ 3.52 บาท เพิ่มขึ้น 21.37% จากไอพีโอ 2.90 บาท ปัจจุบันรีเทิร์นเพิ่มขึ้นจากไอพีโอ 13.10% ปิดที่ 3.28 บาท (17 มี.ค.) ขณะที่ปี 2565 กำไรสุทธิ 144.09 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนกำไร 270.86 ล้านบาท 

ล่าสุด บมจ. พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป หรือ PRTR ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านทรัพยากรบุคคลแบบครบวงจร หุ้น PRTR เปิดเทรดที่ 8.90 บาท เพิ่มขึ้น 23.61% จากไอพีโอ 7.20 บาท ปัจจุบันรีเทิร์นเพิ่มขึ้นจากไอพีโอ 31.94% ปิดที่ 9.50 บาท (17 มี.ค.) ขณะที่ปี 2565 กำไรสุทธิ  202.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกำไร 183.20 ล้านบาท 

ทั้งนี้ หากพิจารณาราคาเปิดการซื้อขายวันแรกของแต่ละบริษัท จะเห็นว่า “3 หุ้น” อย่าง SAF-SVR-PQS ราคากลับ “ดิ่งลง” ถึง 26.42% , 35.45% , 31% ตามลำดับ 

สวนทาง “7 หุ้น” อย่าง MASTER-NTSC-MEB-BVG-READY-CHASE-PRTR ที่ราคาหุ้น “ทะยานขึ้น” ถึง 81.52% , 12.38% , 38.59% , 88.31% , 78.08% , 13.10% และ 31.94% ตามลำดับ

หนึ่งในความ “แตกต่าง” ระหว่างหุ้นที่ราคา “โดดเด่น” กับ “ราคาดิ่ง” นอกจากผลงาน และธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์ของโลกแล้ว คงต้องยกให้รายชื่อของ “นักลงทุนรายใหญ่” บ่งชี้ผ่านผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรก อาทิ หุ้น MASTER พบ “สุขสันต์ ยศะสินธุ์” “สุระ คณิตทวีกุล” “หมอพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี” “ไพบูลย์ เสรีวัฒนา” 

หุ้น NTSC พบ “สุระ คณิตทวีกุล” “หมอพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี” “ทวีรัช ปรุงพัฒนสกุล” “เสี่ยปู่-สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล” “ธีระชัย รัตนกมลพร” หุ้น MEB พบ “สุระ คณิตทวีกุล” และ “หมอพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี” 

หุ้น BVG พบ “ฮง-สถาพร งามเรืองพงศ์” และ “เสี่ยปู่-สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล” หุ้น READY พบ “ทวีรัช ปรุงพัฒนสกุล” หุ้น CHASE พบ “สุขสันต์ ยศะสินธุ์” “สุระ คณิตทวีกุล” และ หุ้น PRTR พบ บริษัท เจ มาร์ท (JMART) ถือหุ้น 15% 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์