เช็ก ‘6ไฮไลต์’ หุ้น I2 ขายไอพีโอ ‘ลงทุน’ ธุรกิจเมกะเทรนด์

"ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์" ไอพีโอน้องใหม่กลุ่ม "เทค" ด้วยจุดเด่นอยู่ในอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์ เดินหน้าขายหุ้น 8 ส.ค. นี้ ในราคาหุ้นละ 2.70 บาท รับพันธกิจ "ขยายลงทุน" ในงานบริการโครงการขนาดใหญ่แก่ลูกค้า !
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “อุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร” (IT) คือ หนึ่งในแรงขับเคลื่อนธุรกิจในยุคใหม่ อีกทั้ง ยังสอดคล้องกับนโยบาย 4.0 และการทำธุรกิจที่เติบโตไปกับ S Curve ของประเทศเพื่อมุ่งสู่ Digital Transformation
ปัจจัยบวกดังกล่าว ! กำลังส่งผลดีต่อ บริษัท ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ I2 หุ้นไอพีโอน้องใหม่ ที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) ด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.57% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และชำระแล้วทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 2.70 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 0.50 บาท คาดจะเข้าซื้อขายวันแรก (เทรด) 8 ส.ค. 2566 ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (TECH)
ณ ปัจจุบัน I2 ประกอบธุรกิจ System Integration (SI) ให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร โทรคมนาคม และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการติดตามดูแลรักษา และการให้การฝึกอบรมแก่ผู้ใช้งาน และการให้บริการอื่นๆ โดยสามารถจำแนกประเภทธุรกิจหลักเป็น 2 ประเภทตามโครงสร้างรายได้ คือ 1.การขาย และบริการงานโครงการ และ 2.การให้บริการอินเทอร์เน็ต
จุดเด่นสำคัญ ! หุ้น I2 คือ เป็น “ผู้นำ” ธุรกิจให้บริการ SI ครบวงจร ภายใต้ทีมบริหารที่มีประสบการณ์ด้านไอทีมายาวนาน รวมถึงมี “พันธมิตร” ที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพการเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากธุรกิจอยู่ในเมกะเทรนด์ สอดคล้องนโยบายภาครัฐ และเอกชนที่มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจ มุ่งสู่ Digital Transformation
สำหรับ วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ ! บริษัทเตรียมนำเงินไป “ขยายการลงทุน” ในงานบริการโครงการขนาดใหญ่แก่ลูกค้า นำไปใช้ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสร้าง New S Curve รองรับแผนการเติบโตในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า รวมถึงเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
“กรุงเทพธุรกิจ” สรุป Highlight สำคัญของหุ้น I2 มาให้ดูก่อนบริษัทติดนามสกุล “มหาชน” ในการตัดสินใจก่อนลงทุนคือ 1. ประกอบธุรกิจ โดยเป็นผู้ประกอบธุรกิจ System Integration (SI) ให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร โทรคมนาคม และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการติดตามดูแลรักษา และการให้การฝึกอบรมแก่ผู้ใช้งาน และการให้บริการอื่นๆ
4. เงินระดมทุน นำไปขยายการลงทุน เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในงานบริการโครงการขนาดใหญ่แก่ลูกค้า มูลค่า 200 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท มูลค่า 100 ล้านบาท และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท มูลค่า 8.96 ล้านบาท
5. มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ และ 6. ภายหลังการเสนอขาย IPO “กลุ่มแก้วบรรพต” ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 39.50% และ กลุ่มบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 สัดส่วน 15%
ขณะที่ “ปัจจัยความเสี่ยง !” ของ I2 หลักๆ ในมุมของความเสี่ยงใน “การประกอบธุรกิจ” ประกอบด้วย 1.ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่าย หรือผู้ให้บริการที่สำคัญ 2.ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงโครงการภาครัฐ 3.ความเสี่ยงจากต้นทุนค่าบริการคลาดเคลื่อนจากการประมาณการ 4.ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี 5.ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อความสม่ำเสมอของรายได้ 6.ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงผู้บริหารและบุคลากร 7.ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงผู้ค้าร่วม
สำหรับ “ความเสี่ยงด้านการเงิน” ประกอบด้วย 1.ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องทางการเงิน 2.ความเสี่ยงจากการได้รับชำระเงินจากลูกหนี้และรายได้ที่ยังไม่เรียกชำระ 3.ความเสี่ยงในการพึ่งพิงกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในการค้ำประกันวงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ขณะที่ “ความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการ” ประกอบด้วย 1.ความเสี่ยงจากการมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถือหุ้นมากกว่า 25%
พร้อมกันนี้ในวันแรกที่หุ้น I2 เข้าทำการซื้อขายในตลาด MAI กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่จะดำเนินการขายหุ้นที่ถืออยู่จำนวน 18 ล้านหุ้น บนกระดานซื้อขายรายใหญ่ (Big lot) ในราคาไอพีโอ ให้แก่ บริษัท ซินเนอร์ยี่ กรุ๊ป เวนเจอร์ส จำกัด (SGV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) (MFEC) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากกลุ่ม MFEC มีความประสงค์ที่จะคงสัดส่วนการถือหุ้นใน I2 ที่ระดับ 15% ต่อไปในฐานะ Strategic Partner เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตร่วมกันในอนาคต ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดได้เปิดเผยอย่างโปร่งใสไว้ในไฟลิ่งอยู่แล้ว
“อธิพร ลิ่มเจริญ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร I2 กล่าวว่า การระดมทุนในครั้งนี้ จะนำเงินไปลงทุนในงานบริการโครงการขนาดใหญ่แก่ลูกค้า นำไปใช้ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสร้าง New S Curve รองรับแผนการเติบโตในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า รวมถึงเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
ท้ายสุด การระดมทุนจะทำให้ฐานทุน และฐานะทางการเงินแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจให้โดดเด่นยิ่งกว่าที่ผ่านมา โดยไตรมาส 1 ปี 2566 บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) แล้ว 961.25 ล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2568 และหลังจากนี้เตรียมบุกขยายงานใหม่เต็มที่ เพื่อคว้างานใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลงานและ “ผลตอบแทนที่ดี” ให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างแน่นอน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์