‘จีเอฟซี-ไทย โคโคนัท’ ลุยเทรดสัปดาห์นี้ มูลค่าขายรวม 2.45 ล้าน !
ลุ้น 2ไอพีโอ "จีเอฟซี-ไทย โคโคนัท" ลุยเข้าระดมทุนตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (11-15 ก.ย.) รวมมูลค่าเสนอขายกว่า 2.45 ล้านบาท "รุ่ง หรือ ร่วง" !!
ในรอบสัปดาห์นี้ ! (11-15 ก.ย.) ตลาดหุ้นไทยมี “2หุ้นไอพีโอ” น้องใหม่เข้ามาซื้อขายวันแรก (เทรด) คือ บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ หรือ GFC และ บริษัท ไทย โคโคนัท หรือ COCOCO ซึ่งหุ้นไอพีดอถือเป็นหนึ่งสีสันที่จะเข้ามาสร้างความคึกคักให้กับตลาดหุ้น ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวของหุ้นไอพีโอเป็นหนึ่งในหุ้นที่นักลงทุนนิยมเล่น “เก็งกำไร” มากสุด !! ในวันแรกที่เข้ามาระดมทุน
“กรุงเทพธุรกิจ” สำรวจ “ไฮไลต์” (Highlight) สำคัญของหุ้น “GFC และ COCOCO” มาให้ดูก่อนบริษัทติดนามสกุล “มหาชน” และเพื่อการตัดสินใจก่อนลงทุน
บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC ประกอบธุรกิจคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา ภายใต้ชื่อ “Genesis Fertility Center” ในย่านพระราม 3 ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากแบบครบวงจร ตั้งแต่ให้คำแนะนำและคำปรึกษา ตลอดจนเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์
โดยเสนอขายสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) หุ้นละ 0.50 บาท ราคาหุ้นละ 7 บาท ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 21.17 เท่า เมื่อเทียบกับ P/E กลุ่มซึ่งอยู่ที่ระดับ 31.32 เท่า และเข้าระดมทุนวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) 13 ก.ย. 2566 มูลค่าระดมทุน 420 ล้านบาท !!
อีกทั้ง อัตราส่วน ROE และอัตราส่วน ROA สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยบริษัทมีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงกว่าค่าเฉลี่ย และสูงสุดถึง 72.29% มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
สำหรับ “จุดเด่น” ที่น่าสนใจของ “หุ้น GFC” คือการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการทางการแพทย์สำหรับ “ผู้มีบุตรยาก” ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ทันสมัยแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตั้งแต่ให้คำแนะนำ คำปรึกษา ตลอดจนการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม
ขณะที่ วัตถุประสงค์ใช้เงิน “ขยายลงทุน” โครงการคลินิกสาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 มีแผนลงทุนโครงการคลินิกสาขาอุบลราชธานี เพื่อขยายฐานการให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากไปยังกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแผนการขยายการลงทุนดังกล่าว ถือเป็นยุทธ์ศาสตร์การกระจายความเสี่ยงรายได้ที่ไม่อยู่ในกรุงเทพฯ อย่างเดียว
สรุป “ปัจจัยเสี่ยง” หุ้น GFC ประกอบด้วย 1.ความเสี่ยงจากการขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน เช่น ทีมแพทย์ และทีมนักเทคนิคการแพทย์ เป็นต้น 2.ความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงและการปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลระเบียบ ข้อบังคับ กฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท 3.ความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีการรักษา 4.ความเสี่ยงการพึ่งพิงบุคลากรทางการแพทย์ที่สำคัญ 5.ความเสี่ยงจากโครงการลงทุนในการขยายสาขาคลินิกให้บริการสำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยาก ที่อาจคลาดเคลื่อนจากแผนการที่วางไว้
6.ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา เวชภัณฑ์ และน้ำยาวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ7.ความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการให้บริการทางการแพทย์ 8.ความเสี่ยงการนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในกรณีที่กรมสรรพากรประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของแพทย์แตกต่างจากแนวทางของบริษัท 9.ความเสี่ยงผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 (COVID-19)
บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO ผู้ประกอบธุรกิจผลิต-จำหน่ายและส่งออก ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่แปรรูปจากมะพร้าวและผลไม้รายใหญ่ของไทย ภายใต้ตราสินค้า Thaicoco , Cocoburi รวมถึงการผลิตสินค้าเพื่ออุตสาหกรรม และธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก เพื่อสุขภาพสำหรับสุนัขและแมวภายใต้ตราสินค้า Moochie ซึ่งจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเอง
และการรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) รวมถึงการเป็นผู้ผลิต จัดจำหน่ายสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพจากโปรตีนพืช และผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชีสและเนยประเภทต่างๆ ที่ทำจากพืช
โดยเสนอขายสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) 370 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) หุ้นละ 0.50 บาท ราคาหุ้นละ 5.50 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E ratio) เท่ากับ 22 เท่า และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 14 ก.ย. 2566 มูลค่าเสนอขาย 2,035 ล้านบาท !! มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
สำหรับ การระดมทุนครั้งนี้ ! เพื่อใช้ขยายกำลังการผลิต ผลิตภัณฑ์มะพร้าว โดยซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อผลิตน้ำมะพร้าว เพื่อขยายกำลังการผลิตน้ำมะพร้าวจากประมาณ 110,000 ตัน/ปี เป็น 218,000 ตัน/ปี รวมถึงขยายคลังสินค้าเพื่อรองรับการจัดเก็บผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายประเภทสินค้าผลิตภัณฑ์ขนมกินเล่นของสุนัขและแมว รวมถึงซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายประเภทสินค้าในไอศกรีม
“จุดเด่น” ของหุ้น COCOCO คือ ศักยภาพของการเติบโตในอนาคต สะท้อนผ่านฐานลูกค้าในต่างประเทศ 90 ประเทศทั่วโลก ซึ่งครอบคลุมทุกทวีปทั่วโลก
สรุป “ปัจจัยเสี่ยง” ของหุ้น COCOCO ประกอบด้วย 1.ความเสี่ยงการจัดหาวัตถุดิบมะพร้าว 2.ความเสี่ยงความผันผวนราคาวัตถุดิบหลัก 3.ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบ มาตรการ ข้อบังคับต่างๆ และอุปสรรคทางการค้าจากประเทศผู้นำเข้า 4.ความเสี่ยงการที่บริษัทไม่สามารถจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย 5.ความเสี่ยงที่บริษัทอาจละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลภายนอกโดยไม่มีเจตนา
6.ความเสี่ยงจากสินค้าทดแทน 7.ความเสี่ยงการแข่งขันในอุตสาหกรรมมะพร้าว 8.ความเสี่ยงการเป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ของลูกค้าและไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายระยะยาวกับลูกค้า 9.ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินค้าและความปลอดภัยในการบริโภค 10.ความเสี่ยงจากภาวะโรคอุบัติใหม่ระบาด 11.ความเสี่ยงการแข่งขันในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง