หุ้นน้องใหม่ STX เหมืองหิน-แร่ เปิดเทรดวันแรกไม่สดใส ไปต่อหรือพอแค่นี้?
หุ้นน้องใหม่ STX ปิดภาคเช้า ลดลง 10.00% หรือราคาลดลง 0.30 บาท หรือระดับราคาที่ 2.70 บาท จากราคา IPO 3 บาท "โบรก" เผย รายได้ปีนี้คาดโตจากโครงการก่อสร้างจากการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น
ความเคลื่อนไหวตลาด "หุ้นไทย" ปิดภาคเช้า ณ วันที่ 26 เมษายน 2567 หุ้นน้องใหม่ STX หรือ บมจ.สโตนวัน ลดลง 10.00% หรือราคาลดลง 0.30 บาท หรือระดับราคาที่ 2.70 บาท ราคาสูงสุดที่ 2.98 บาท ต่ำสุด 2.64 บาท มูลค่าซื้อขาย 244.05 ล้านบาท
ขณะที่เปิดเทรดทำการซื้อขายในครั้งแรกช่วงเช้าต่ำจอง 4.00% หรือลดลง 0.12 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 2.88 บาท จาก IPO ที่ 3.00 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุว่า การแข่งขันในธุรกิจเหมืองหินและแร่ไม่สูง เนื่องจากระยะเวลาในการระเบิดขุดหินและโม่บดหินในแต่ละวันที่จำกัด รวมทั้งการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ทำได้ยาก ต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และใช้เงินลงทุนสูง ประกอบกับต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น การระเบิดหินให้ได้อัตราความสำเร็จของผลผลิต (yield) สูงสุด ขณะที่ผลิตภัณฑ์สามารถทดแทนกันได้อย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกระบวนการผลิตให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าในแง่ของขนาด คุณสมบัติ และคุณภาพ ประกอบกับเหมืองของบริษัทอยู่ใกล้แหล่งก่อสร้าง เช่น โซน EEC ซึ่งมีการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการตามการสนับสนุนของรัฐบาล อุปสงค์ต่อวัสดุก่อสร้างจึงสูงตามไปด้วย สร้างความได้เปรียบแก่บริษัท เนื่องจากต้นทุนการขนส่งที่ต่ำกว่า
ส่วนรายได้เติบโตจากโครงการก่อสร้างคาดรายได้ปี 2024 ขยายตัว จากการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น และได้ประโยชน์จากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่คาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้ตั้งแต่ พ.ค. เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าอุปสงค์วัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น รวมทั้งแร่โดโลไมต์ ผลิตภัณฑ์ล่าสุดของบริษัทผลักดันให้ยอดขายเติบโต โดยปี 2023 ที่ผ่านมาเติบโตราวร้อยละ 50 จากการออกผลิตภัณฑ์แร่โดโลไมต์ผงที่ใช้ประโยชน์ได้ในหลายอุตสาหกรรม เพื่อเสริมความแข็งแรงของวัสดุ เช่น คอนกรีต แก้วและกระจก เป็นต้น โดยหากอิงจากดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในช่วง 1Q24 คาดว่าราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ในปี 2024 จะทรงตัว YoY
ขณะที่กำไรขยายตัวตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นการเติบโตของอุปสงค์ในการก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ช่วยหนุนอัตรากำไรของบริษัทจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้จากแร่โดโลไมต์ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าอัตรากำไรขั้นต้นจากผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ขณะที่คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับมีกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ถาวรที่คาดว่าเพิ่มเข้ามา อย่างไรก็ตามเหมืองแห่งใหม่ที่บริษัทคาดว่าจะเริ่มเข้าลงทุนได้ในปี 2024 อาจมีต้นทุนในการดำเนินงานช่วงแรก ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น แต่โดยภาพรวมยังคาดว่าปี 2024 จะเห็นการเติบโตของกำไร
การระดมทุนในครั้งนี้เพื่อลงทุนเหมืองแร่แห่งใหม่มีความเหมาะสม เนื่องจากจะช่วยเพิ่มปริมาณวัตถุดิบให้แก่บริษัท ซึ่งจะสร้างการเติบโตของรายได้ในอนาคต และปัจจัยที่ต้องติดตามต่อ ได้แก่ เหมืองแห่งใหม่ที่บริษัทจะเข้าไปลงทุน ตั้งอยู่ที่ ต.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี (อยู่ระหว่างการยื่นคำขอประทานบัตรใหม่) และ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี (ได้รับอนุญาตประทานบัตร เป็นระยะเวลา 29 ปี) นอกจากนี้บริษัทมีแผนจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.055 บ./หุ้น หลังผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 2 พ.ค. 67 ซึ่งจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (XD) 16 พ.ค.
ส่วนความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่
1) การสำรวจและจัดหาแหล่งวัตถุดิบ
2) การเปลี่ยนแปลงของปริมาณสำรอง
3) การต่ออายุประทานบัตร
โดยการประเมินเบื้องต้น อิงจาก PER เฉลี่ยของผู้ประกอบธุรกิจที่ใกล้เคียงกันในต่างประเทศที่ 16.02 เท่า มองว่ามูลค่าเหมาะสม ณ ราคา IPO มีพรีเมียมแล้ว