ไม่ผิดหวัง! หุ้นน้องใหม่ CHAO เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 25.42% จาก IPO 11.80 บาท พบเซียนหุ้น - กลุ่มบีทีเอส เข้าถือหุ้นใหญ่

ไม่ผิดหวัง! หุ้นน้องใหม่ CHAO เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 25.42% จาก IPO 11.80 บาท พบเซียนหุ้น - กลุ่มบีทีเอส เข้าถือหุ้นใหญ่

หุ้นน้องใหม่ CHAO เทรดวันแรกเหนือจอง 25.42% IPO 11.80 บาท เซียนหุ้น ถือหุ้นใหญ่ และกลุ่มบีทีเอส 'คีรี กาญจนพาสน์' ได้รับการจัดสรรหุ้น IPO ที่เสนอขายเช่นกัน

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 9 ก.ค.2567 เวลา 10.00 น.หุ้นน้องใหม่ CHAO หรือ บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เปิดเทรดวันแรก เหนือจองพุ่ง 25.42% หรือเพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 14.80 บาท จาก IPO ที่ 11.80 บาท

ไม่ผิดหวัง! หุ้นน้องใหม่ CHAO เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 25.42% จาก IPO 11.80 บาท พบเซียนหุ้น - กลุ่มบีทีเอส เข้าถือหุ้นใหญ่

สำหรับกำไรสุทธิ 
ปี 2563 อยู่ที่ 113.80 ล้านบาท 
ปี 2564 อยู่ที่ 64.40 ล้านบาท 
ปี 2565 อยู่ที่ 86.60 ล้านบาท 
ปี 2566 อยู่ที่ 161.61 ล้านบาท
ไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 26.67 ล้านบาท 

รายได้จาการขาย 
ปี 2563 อยู่ที่ 1,088.60 ล้านบาท 
ปี 2564 อยู่ที่ 1,135.10 ล้านบาท 
ปี 2565 อยู่ที่ 1,413.60 ล้านบาท 
ปี 2566 อยู่ที่ 1,511.07 ล้านบาท
ไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 344.03 ล้านบาท 

EBITDA 
ปี 2563 อยู่ที่ 171.10 ล้านบาท
ปี 2564 อยู่ที่ 117.60 ล้านบาท 
ปี 2565 อยู่ที่ 154.10 ล้านบาท 
ปี 2566 อยู่ที่ 235.25 ล้านบาท
ไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 41.14 ล้านบาท

นอกจากครอบครัวเข้าถือหุ้นใหญ่แล้ว ยังพบว่า มีนักลงทุนรายใหญ่ และสถาบันเข้าถือหุ้น CHAO ดังนี้ 

ลำดับ 5 นาย สถาพร งามเรืองพงศ์ จำนวน 6,050,000 หุ้น สัดส่วน 2.02%
ลำดับ 10 กองทุนเปิด เค Mid Small Cap หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ จำนวน 3,053,200 หุ้น สัดส่วน 1.02%
ลำดับ 11 นาย สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล จำนวน 2,433,300 หุ้น สัดส่วน 0.81% 
ลำดับ 12 นาย นเรศ งามอภิชน จำนวน 2,000,000 หุ้น สัดส่วน 0.67%

ขณะเดียวกัน พบว่า บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)หรือ BTS ได้รับจัดสรรหุ้น IPO จำนวน 1 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.14% ของหุ้น IPO และ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ BTS ได้รับจัดสรรหุ้น IPO จำนวน 8.5 แสนหุ้น สัดส่วน 0.97% ของหุ้น IPO ที่เสนอขายหุ้นทั้งหมดเช่นกัน 

กฤตวิทย์ รัตนะกนกชัย นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า คาดกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 206 ล้านบาท หรือ +27.8% YoY เป็นระดับสูงสุดใหม่ โดยมีปัจจัยบวกหลักจากการเติบโตของรายได้ที่คาดที่ 1,699 ล้านบาท หรือ +13.8% YoY หลังบริษัทจะกลับไปเพิ่ม Distributorช่องทำง TT มากขึ้น เจาะช่องทาง MT เพิ่มขึ้น รวมถึงขยายช่องทางใหม่ ๆ เพิ่มเติม ซึ่งคาดสินค้าของบริษัทจะได้อำนิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวในประเทศที่ฟื้นตัว ขณะที่การส่งออกคาดยังเติบโตได้ดี
ต่อเนื่อง ประกอบกับแผนการออกสินค้าใหม่ของบริษัทไม่ต่ำกว่ำ 15 – 20 SKUs ซึ่งจะช่วยชดเชย GPM ที่คาดจะปรับลดลงเป็น 36.6% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบหมูที่คาดจะปรับขึ้น YoY และค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้น

และในปี 2568 คำดกำไรจะเติบโตได้ต่อเนื่อง คาดที่ 256 ล้านบาท หรือ +23.8% YoY จากการเติบโตของทั้งรายได้ที่จะสูงขึ้นตามกลยุทธ์การเติบโตของบริษัททั้งขยายช่องทางจัดจำหน่าย และการส่งออก และ GPM ที่คำดฟื้นตัวหลังประสิทธิภำพกำรผลิตจะดีขึ้นตำม Economies of scale และการลงทุนในระบบ Automation ประกอบกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการ IPO จะสิ้นสุดลง

ทั้งนี้ ฐานะการเงินแข็งแกร่งหลัง IPO และมีแผนในการขยายกำลังการผลิตเป็น Upside ทั้งนี้ CHAO จะมีภาระหนี้สินลดลงภายหลังการ IPO รวมถึงมีฐานะเป็น Net Cash Company สะท้อนฐานะการเงินที่แข็งแกร่งซึ่งเพิ่มโอกาสให้บริษัทมีความสามารถในการเติบโตแบบ Inorganic ผ่านการทำดีล M&A ซึ่งจะเป็น Upside ต่อประมาณการกำไร

โดยประเมินมูลค่าเหมาะสม CHAO อิงวิธี PER ที่ 23.3 เท่า ซึ่งให้ Premium สูงกว่า TKN เนื่องจาก CHAO มี GPM ที่สูงกว่า รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการที่สูงกว่าจากฐานกำไรที่ยังไม่ใหญ่ทำให้มีโอกาสในการเติบโตอีกมาก แต่ยังเป็นระดับที่ต่ำกว่า SNNP ที่ใช้ PER ที่ 29.1 เท่า ได้ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2567 ที่ 16.00 บาท ไม่รวม Upside จากการทำ M&A

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)ระบุว่า ยอดขายกลุ่มขนมขบเคี้ยวที่เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขายข้าวตัง ขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมูและแครกเกอร์ธัญพืชเพิ่มขึ้นจากการออกสินค้าใหม่ รวมไปถึงการขยายช่องทางการขายและการส่งออกเพิ่มขึ้น ทำให้คาดการณ์ยอดขายปี 2567 เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ทั้งนี้ บริษัทมีฐานะการเงินยังคงแข็งแกร่งเป็นเงินสูดสุทธิ คาดการณ์กำไร (CAGR) ช่วง 3 ปี (2566-2569) อยู่ที่ 17.3% จากการเติบโตของตลาดขนมขบเคี้ยว การขยายกำลังการผลิตและการขยายช่องทางขาย ทั้งนี้ให้ราคาเป้าหมายที่เหมาะสมอยู่ที่ 16.70 บาท

โดยยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารคาดเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการเพิ่มขึ้นของผู้จัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางช่องทางร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบลดลงจากการที่ราคาเนื้อหมูปรับตัวลง ซึ่งประเมินว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่านอยู่ที่ 208 ล้านบาท 

พงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า เจ้าสัว ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ โดยบริษัทฯ ถือเป็นผู้นำในกลุ่มขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ รวมทั้งตลาดข้าวตังและตลาดขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู

ทั้งนี้ เมื่ออ้างอิงข้อมูลรายงานภาวะอุตสาหกรรมของ Frost & Sullivan ในปี 2565 กลุ่มบริษัทฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ทั้งในตลาดข้าวตังและตลาดขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 78.5% และ 57.2% ตามลำดับ โดยกำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ 11.80 บาทต่อหุ้น

ไม่ผิดหวัง! หุ้นน้องใหม่ CHAO เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 25.42% จาก IPO 11.80 บาท พบเซียนหุ้น - กลุ่มบีทีเอส เข้าถือหุ้นใหญ่

ณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนลงทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ คือ ก่อสร้างโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 2 รวมทั้งลงทุนซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อรองรับการผลิต เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ภายใต้โรงงานโฮลซัม ประมาณ 2,000 ตันต่อปี รองรับการขยายตลาดส่งออกในต่างประเทศในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เนื้อหมู 

รวมถึง ขยายกำลังการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้โรงงานโฮลซัม โดยเพิ่มกำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ประมาณ 770 ตันต่อปี และเพิ่มกำลังการผลิตข้าวตังดิบประมาณ 600 ตันต่อปี รวมทั้งผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวจากเนื้อสัตว์ทะเลประมาณ 600 ตันต่อปี

และพัฒนาระบบอัตโนมัติ และการปรับปรุงระบบควบคุมคุณภาพ เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และช่วยลดจำนวนพนักงานฝ่ายผลิต อาทิ เครื่องบรรจุอัตโนมัติ เป็นต้น รวมทั้งพัฒนาโปรแกรมสำหรับจัดการทางด้านคำสั่งซื้อขายและระบบโลจิสติกส์ และพัฒนาไลน์การผลิตสินค้าแครกเกอร์ธัญพืชให้เป็นแบบอัตโนมัติทั้งไลน์สำหรับโรงงานโฮลซัม และระบบตู้อบต่อเนื่องสำหรับสินค้าหมูแท่งสำหรับโรงงานเจ้าสัว

สำหรับรายได้จากการส่งออกในปี 2564 2565 และ 2566 อยู่ที่ 216.2 ล้านบาท 343.6 ล้านบาท และ 413.3 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบเฉลี่ยที่ 38.26% จากการเริ่มส่งออกขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากหนังปลาไปยังประเทศจีน รวมถึงมีการส่งออกผลิตภัณฑ์แครกเกอร์ธัญพืช ภายใต้แบรนด์ “โฮลซัม” ให้กับห้างสรรพสินค้าที่มีเครือข่ายสาขาจำนวนมากในต่างประเทศ