หุ้นน้องใหม่ NCP เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 24% จากราคา IPO 2 บาท

หุ้นน้องใหม่ NCP เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 24% จากราคา IPO 2 บาท

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 31 ก.ค.2567 เวลา 10.00 น.หุ้นน้องใหม่ NCP หรือบริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) เปิดเทรดวันแรก เหนือจองพุ่ง 24.00% หรือเพิ่มขึ้น 0.48 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 2.48 บาท จาก IPO ที่ 2.00 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า NCP ผู้นำด้านการทำการตลาดแบบตรงผ่านช่องทางการขายทางโทรศัพท์ (Telemarketing) มี 3 กลุ่มธุรกิจ คือ 1) ธุรกิจการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telemarketing) 2) ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก(Upselling Service) และ 3) ธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขาย (Dedicated Telesale Outsourcing) 
 

หุ้นน้องใหม่ NCP เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 24% จากราคา IPO 2 บาท

โดยช่วงปี 64-66 กำไรหดตัวเฉลี่ย CAGR 23% ต่อปี แต่ 1Q67 พลิกโต 10%YoY ช่วงปี 64-66 มีรายได้ 191 ล้านบาท  181 ล้านบาท และ 173 ล้านบาท ตามลำดับ หดตัวเฉลี่ย CAGR 1.5% ต่อปี ส่วน %GPM มีแนวโน้มปรับดีขึ้นอยู่ที่ 56.0% 57.3% และ 57.8% ตามลำดับ จากสัดส่วนการขายสินค้า House Brand ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาที่ 13.5% 16.6% และ 19.5% ตามลำดับ จากค่าใช้จ่ายในการเตรียมตัวเข้าตลาดฯ ส่งผลให้ช่วงปี 64-66 มีกำไร 26 ล้านบาท 20 ล้านบาท และ 13 ล้านบาท ตามลำดับ หดตัวเฉลี่ย CAGR 23% ต่อปี ขณะที่งวด 1Q67 มีรายได้ 45 ล้านบาท -1%YoY แต่ %GPM ปรับดีขึ้นสู่ 60.1% จากสินค้า House Brand ส่งผลให้งวด 1Q67 มีกำไร 2.7 ล้านบาท +10% YoY และคิดเป็น 8% ของประมาณ การทั้งปี 67 ที่ราว 32 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสเร่งตัวดีช่วง 2H67 จากแผนการเพิ่มจำนวนพนักงาน Telesales สู่ 233 คน จากปัจจุบันที่ราว 132 คน

คาดการณ์ กำไรงวดปี 67-68 ราว 32 ล้านบาท +159%YoY และ 50 ล้านบาท +54%YoY ตามลำดับ บนสมมติฐาน Best Scenario โดยหลักมาจากแผนการเพิ่มจำนวนพนักงาน เพื่อรองรับฐานข้อมูลรายชื่อลูกค้าที่บริษัทมีทั้งหมดกว่า 5 ล้านราย ซึ่งหากต้องการให้บริการลูกค้าทั้งหมดต้องมีพนักงานราว 1,000 คน ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานเพียง 132 คน รวมทั้งการเติบโตในธุรกิจใหม่ Upselling Service และ Dedicated Telesale Outsourcing ที่คาดจะเติบโตดีควบคู่ไปกับอุตสาหกรรม E-commerce ส่งผลให้เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67-68 ราว 32 ล้านบาท +159%YoY และ 50 ล้านบาท +54%YoY ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เป็นเพียงการคาดการณ์บนสมมติฐาน Best Scenario ซึ่งอาจมีความคลาดเคลื่อนจาก

1.การเพิ่มจำนวนพนักงานใหม่น้อยกว่าแผน 
2.พนักงานต่อคนสร้างรายได้น้อยกว่าที่คาด และ 
3.ธุรกิจใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ

สำหรับจำนวน IPO ทั้งหมด 50 ล้านหุ้น ราคา IPO 2.00 บาท (Trailing PE 28.14x) มูลค่าระดมทุนหลังหักค่าใช้จ่าย 94 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

1) ก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ 2) ก่อสร้างสถานที่ทำงานในเรือนจำ 3) พัฒนาระบบเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ และ 4) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

โดยฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมของ NCP ในปี 67 ที่ 2.52 บาทต่อหุ้น บน Forward PE ปี 67 ที่ 14.00x เท่ากับค่าเฉลี่ยกลุ่ม TVDH (20x) , RS (10x) , MCA (15x) และ NV (10x)

เอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP ผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales) ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก  และธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขาย  เปิดเผยว่า NCP เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ ว่า “NCP” รวมจำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ราคาเสนอขายหุ้นละ 2.00 บาท เป็นวันแรก วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ทั้งนี้ เมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว NCP จะเป็นบริษัทที่มีฐานทุนที่แข็งแกร่ง เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตได้ตามแผนและกรอบเวลาที่ทางบริษัทได้วางไว้

นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ครั้งนี้ นับเป็นก้าวที่สำคัญในการขยายธุรกิจให้แข็งแกร่ง และต่อยอดการขยายโอกาสทางธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงตามกลยุทธ์ ในฐานะผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales) ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) และธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขาย (Dedicated Telesale Outsourcing) ระดับแถวหน้าของประเทศ พร้อมขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้น NCP อย่างล้นหลาม สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ

โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนแบ่งเป็น 30 ล้านบาทจะนำไปก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ขยายจำนวนพนักงานขายทางโทรศัพท์ คาดดำเนินก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2568 ที่ 10 ล้านบาท ก่อสร้างสถานที่ทำงานในเรือนจำภายในสิ้นปี 2569 ที่ 5 ล้านบาท พัฒนาระบบเทคโนโลยีซอฟต์แวร์และระบบเครือข่ายเพื่อรองรับการเพิ่มจำนวนพนักงาน และ 55 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

สำหรับ NCP มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ นายศรัณย์ เวชสุภาพร ถือหุ้นร้อยละ 50.56 นายนพพล ชูกลิ่น ถือหุ้นร้อยละ 18.05 นายเอนก อึ้งตระกูล ถือหุ้นร้อยละ 3.61 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิของงบการเงินบริษัทภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมาย

โดย ผลประกอบการไตรมาส 1/67 กำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่เท่ากับ 2.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.48% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ไตรมาส 1/66 ที่ 2.48 ล้านบาท โดยการกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสาเหตุหลักมาจากกำไรขั้นต้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มสูงมากขึ้น เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนการขายสินค้าแบรนด์ของบริษัท (House brand) มากขึ้น ส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้นไตรมาส 1/67 เท่ากับ 0.021 บาท จากไตรมาส 1/66 ที่ 0.027 บาท