หุ้นน้องใหม่ PMC บริษัทลูก SELIC เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 34.07% จากราคา IPO 1.82 บาท
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 11 ก.ย.2567 เวลา 10.00 น.หุ้นน้องใหม่ PMC หรือบมจ. พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ เปิดเทรดวันแรก เหนือจองพุ่ง 34.07% หรือเพิ่มขึ้น 0.62 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 2.44 บาท จาก IPO ที่ 1.82 บาท
ณัชพล แพรสีเจริญ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า PMC เป็นบริษัทย่อยของ SELIC ซึ่งทำธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์ หรือฉลากกาวรายใหญ่ของประเทศ บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสติ๊กเกอร์เปล่า ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ สติ๊กเกอร์กระดาษ สติ๊กเกอร์ฟล์ม และสติ๊กเกอร์ชนิดพิเศษ ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังผลิตอยู่ที่ 75 ล้านตารางเมตร/ปี และเน้นการจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจโรงพิมพ์ฉลากสินค้า และผู้ผลิตฉลากสินค้า ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่ในกลุ่มค้าปลีกและของใช้ส่วนตัวเป็นหลัก หากอิงงบปี 2566 สัดส่วนรายได้สามารถแบ่งออกเป็นรายได้ในประเทศ 67% และรายได้จาก
ต่างประเทศ 33%
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จาก IPO ไปไช้ดังนี้
1.ใช้ในการขยายศูนย์การกระจายสินค้าในอินโดนีเซียและเวียดนาม ช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในระยะยาว
2.ใช้ในการลงทุนเครื่องจักรใหม่ ขนาด 110 ล้านตารางเมตรต่อปี มีกำหนดเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 1/68 และชำระคืนเงินกู้ที่เกี่ยวข้อง
3.ใช้คืนเงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงิน และ
4.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการจัดซื้อสินค้าและเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซึ่งการเพิ่มกำลังผลิตส่งผลให้เงินทุนหมุนเวียนที่จำเป็นต้นใช้ในการจัดเตรียมสินค้าเพิ่มสูงขึ้น
โดยคาดกำไรปกติปี 2567 ที่ 49 ล้านบาท เติบโต 192% YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อนหลังได้แรงหนุนจากรายได้รวมที่คาดเติบโตตามระดับการบริโภคในไทยและภูมิภาคอาเซียนและอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ระดับ 19.8% จาก 17.1% ในปี 2566 หลังต้นทุนวัตถุดิบ เช่น กระดาษ แผ่นฟิล์มและกาว และการขนส่งปรับตัวลง หลังความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ คาดต้นทุนทางการเงินลดลงหลังบริษัทฯ มีการนำเงินที่ได้รับจากการ IPO ไปจ่ายคืนเงินกู้ในช่วงครึ่งปีหลัง หากมองไปปี 2568 คาดกำไรปกติที่ระดับ 76 ล้านบาท เติบโต 57% YoY หลังได้แรงหนุนจากการเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของเครื่องจักรใหม่แบบเต็มปี คาดหนุนการเติบโตของรายได้ในระดับ 21%YoY และรับรู้ต้นทุนทางการเงินที่ลดลงหลังการ IPO แบบเต็มปี
อย่างไรก็ตาม ประเมินราคาเหมาะสมของ PMC โดยใช้วิธี Mutiole ด้วยอัตราส่วน PER โดยกำไรปกติปี 2568 ที่ 76 ล้านบาท จะคิดเป็น EPS ที่ 0.20 บาท/หุ้น อิงจำนวนหุ้นหลังการ IPO ที่ 385.7 ล้านหุ้น โดยใช้ PER ในการประเมินมูลค่าที่ 17.7 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย PER2568 ของผู้ผลิตสติ๊กเกอร์และฉลากกาวทั่วโลก ส่งผลให้ได้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 25668 ที่ 3.50 บาท/หุ้น
รัชดา เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ หลักทรัพย์บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMC เปิดเผยว่า PMC วางเป้าหมายที่จะรักษาความเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสติ๊กเกอร์ในประเทศไทย และมุ่งสู่การเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของภูมิภาคอาเซียน โดยในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายสู่ระดับ 1,000 ล้านบาท โดยจะรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายไม่ต่ำกว่า 7–10% ต่อปี
ประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า PMC เป็นบริษัทย่อยของ บมจ. ซีลิค คอร์พ (SELIC) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์ หรือฉลากกาวซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ต้นน้ำประกอบด้วย 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ สติ๊กเกอร์กระดาษ สติ๊กเกอร์ฟิล์ม และสติ๊กเกอร์ชนิดพิเศษ โดยเป็นการจัดจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจโรงพิมพ์ฉลากสินค้า และผู้ผลิตฉลากสินค้า เป็นหลัก มีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศประมาณร้อยละ 65 : 35 โดยส่งออกไปกว่า 15 ประเทศทั่วโลก
ปัจจุบันมีโรงงานผลิตสินค้า 1 แห่ง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 13 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ จังหวัดสมุทรสาคร มีกำลังการผลิตสติ๊กเกอร์ 75 ล้านตารางเมตรต่อปี งวดครึ่งปีแรก 2567 บริษัทมีรายได้แยกตามประเภทผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์กระดาษ : สติ๊กเกอร์ฟิล์ม : สติ๊กเกอร์ชนิดพิเศษร้อยละ 62 : 26 : 12 ตามลำดับ และหากพิจารณากลุ่มอุตสาหกรรมที่นำผลิตภัณฑ์ไปใช้งาน แบ่งสัดส่วนดังนี้ กลุ่มค้าปลีกและของใช้ส่วนตัว : กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม : กลุ่มขนส่ง : อื่นๆ ร้อยละ 64 : 13 : 8 : 15 ตามลำดับ
PMC มีทุนชำระแล้วหลังเสนอขาย 385.72 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 270 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 115.715 ล้านหุ้น โดยเป็นการเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นของ SELIC เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นจำนวน 34.715 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 29-30 สิงหาคม และ 2 กันยายน 2567 เสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จำนวน 71 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 10 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 3-5 กันยายน 2567 ในราคาหุ้นละ 1.82 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย IPO 210.60 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 702 ล้านบาท
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E Ratio) เท่ากับ 17.40 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.1046 บาท