หุ้นน้องใหม่ PCE เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 10.53% จากราคา IPO 2.28 บาท

หุ้นน้องใหม่ PCE เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 10.53% จากราคา IPO 2.28 บาท

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 12 ก.ย.2567 เวลา 10.00 น.หุ้นน้องใหม่ PCE หรือบมจ. พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ เปิดเทรดวันแรก เหนือจองพุ่ง 10.53% หรือเพิ่มขึ้น 0.24 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 2.52 บาท จาก IPO ที่ 2.28 บาท

ปรินทร์ นิกรกิตติโกศล นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า PCE เป็นผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มรายใหญ่ ครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ PCE เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจปาล์มน้ำมันของประเทศที่มีการผลิตภัณฑ์หลากหลายครบวงจรมากที่สุดแห่งประเทศ รวมถึงมีรายได้สูงกว่าหุ้นคู่แข่งในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ และมีโลจิสติกส์เป็นของตัวเอง เช่นคลังน้ำมัน ขนส่งทางรถบรรทุก และเรือ บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ ทำให้เกิดความได้เปรียบด้านต้นทุน ส่งมอบสินค้ารวดเร็ว ช่วยให้ลูกค้าบริหารสด็อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น มี Legacy Assets ที่แข็งแกร่ง พร้อมเติบใดก้าวใหม่ด้วยนวัตกรรมที่มากขึ้น

หุ้นน้องใหม่ PCE เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 10.53% จากราคา IPO 2.28 บาท

ทั้งนี้ มอง PCE มีจุดเด่นจากการมีรากฐานที่แข็งแกร่งทั้งกระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพสูง โครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ครบวงจร ทำเลที่ตั้งโรงงาน และระบบขนส่งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ ผู้บริหารมีประสบการณ์กว่า 40 ปี ผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง สามารถสร้างการเติบโตต่อเนื่อง 

ขณะที่ในอนาคต PCE กำลังเข้าสู่การเติบโตครั้งใหม่ภายใต้กลยุทธ์ของผู้บริหาร New Generation ที่มีวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิต ขยายขอบเขตผลิตภัณฑ์ไปสู่สินค้ามูลค่าสูงขยายฐานลูกค้าไปต่างประเทศ

โดยคาดกำไรสุทธิปี 2567 - 2568 เข้าสู่ช่วงฟื้นตัวจากฐานต่ำในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเป็น 511 ล้านบาท (+54% YoY) และ 703 ล้านบาท (+37% YoY) ตามลำดับ หรือ +46% CAGR โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก อุปทานผลผลิตปาล์ม 2H67 ฟื้นตัว HoH และ YoY จากปรากฎการณ์ EI Nino ทยอยคลายตัว และเข้าสู่ภาวะ La Nina รวมถึงเติบโตของอุปสงค์ B100 และน้ำมันปาล์มโอเลอีนตามทิศทางเศรษฐกิจ,E-commerce, อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และสัญญาซื้อขายฉบับใหม่กับผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ การเจาะตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ น้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ RBDPKO และการลงทุนขยายกำลังผลิต และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

ทั้งนี้ ประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่ 3.60 บาท อ้างอิง PER 14 เท่า ให้ Premium จากค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 12.4 เท่า เพราะความสามารถการแข่งขันที่เด่นกว่าเพราะมีโลจิสติกส์ของตัวเอง ฐานะการเงินมันคงด้วยสถานะ Net Cash ผลประกอบการเติบโตสูง ทำให้อัตราส่วน PEG ต่ำเพียง 0.6 เท่า

ประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเงินจากการเสนอขายหุ้น IPO ไปใช้ในการลงทุนในกิจการอื่นที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องตามกลยุทธ์การขยายกิจการทั้งในรูปแบบ Backward Integration, Forward Integration และ Horizontal Integration โดย PCE ซึ่งเป็น Investment Holding Company อาจเข้าลงทุนทั้งในรูปแบบการลงทุนในหุ้นสามัญของกิจการอื่น หรือการลงทุนซื้อทรัพย์สินของกิจการอื่น หรือการร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่กลุ่ม PCE โดยเน้นการลงทุนในส่วนของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบเพื่อเป็นการเพิ่มความมีเสถียรภาพในการจัดหาวัตถุดิบน้ำมันปาล์มดิบ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล จำนวน 500 ล้านบาท ในช่วงปี 2567-2568

นอกจากนี้นำไปใช้ในการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อขยายกำลังการผลิต และเพื่อปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงงาน NBD (บริษัทย่อย) จำนวน 500 ล้านบาท ในช่วงปี 2567-2568 และเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม PCE จำนวน 494.10-639.60 ล้านบาท ในปี 2567-2568

ทั้งนี้ PCE ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ปัจจุบันมีการลงทุนในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร ที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน (Supply Chain) โดยดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ประกอบด้วย โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ โรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มดิบ โรงงานผลิตน้ำมันไบโอดีเซล โรงงานผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อการบริโภค และโรงงานผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ดำเนินงานโดยบริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด (NBD)

โดยกระบวนการซื้อและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม อาทิ น้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันเมล็ดในปาล์ม เมล็ดในปาล์ม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากปาล์ม โดยซื้อจากผู้ผลิตรายอื่นเพื่อนำมาจำหน่ายต่อให้กับลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ดำเนินงานโดยบริษัท ปาโก้เทรดดิ้ง จำกัด (PACO) การให้บริการคลังรับฝากน้ำมันปาล์ม คลังสินค้าทั่วไป ลานเทกองเก็บสินค้า และให้บริการท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้า ดำเนินงานโดยบริษัท พี.เค.มารีน เทรดดิ้ง จำกัด (PKM) การให้บริการขนส่งสินค้าทางรถ ทั้งสินค้าเหลวและสินค้าแห้งในประเทศ ดำเนินงานโดยบริษัท เพชรศรีวิชัย จำกัด (PC) รวมถึงให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ดำเนินงานโดยบริษัท พี.ซี.มารีน (1992) จำกัด (PCM)

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ คาดการเติบโตของรายได้ในอนาคตจะเป็นไปตามการขยายตัวของ 4 กลุ่มธุรกิจ ทั้งกลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม น้ำมันไบโอดีเซล และน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อการบริโภค รวมถึงรับซื้อน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องมาจำหน่ายให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า, กลุ่มธุรกิจให้บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ, กลุ่มธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางรถ และกลุ่มธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ

ทั้งนี้ PCE ได้วางยุทธศาสตร์ก้าวสู่ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มระดับประเทศ ผ่านกลยุทธ์ที่เป็นจุดแข็งของกลุ่มบริษัทฯ ได้แก่ ความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร และความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน(Supply Chain) โดยกลุ่มบริษัทฯ มีกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ ตลอดจนกระบวนการขนส่งที่ทันสมัย ด้วยประสบการณ์ตรงในอุตสาหกรรมเกือบ 40 ปี ทำให้เห็นภาพรวมที่แท้จริงของอุตสาหกรรม และลดต้นทุนโดยรวมผ่านการบริหารจัดซื้อ การบริหารการผลิต การจัดเก็บสินค้า ไปจนถึงกระบวนการจัดส่งสินค้าถึงลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบ One Stop Service ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีข้อได้เปรียบ เช่น มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้วัตถุดิบ มีคลังจัดเก็บวัตถุดิบและสินค้า รวมทั้งท่าเรือทั้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และฉะเชิงเทรา ตลอดจนธุรกิจขนส่งทางรถและทางเรือ และโรงงานผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล เป็นของตนเอง

นอกจากนี้ ทำเลที่ตั้งของกลุ่มบริษัทฯ ยังอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ ใกล้แหล่งวัตถุดิบ ลูกค้า และท่าเรือ และมีกระบวนการผลิต และควบคุมคุณภาพที่ได้รับรองตามมาตรฐานสากล

"บริษัทฯ มีกลยุทธ์ต่อยอดการเติบโต ผ่านการขยายกำลังการผลิต การขยายไปยังตลาดต่างประเทศ ยุโรป สหรัฐฯ มากขึ้น รวมถึงการเข้าซื้อกิจการ (M&A) กับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การทำ R&D ต่างๆ เพื่อให้ได้สินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ"นายประกิต กล่าว

โดยในช่วงปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 310.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 130.12 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 72.05% เมื่อเทียบกับปี 2565 และมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 1.26% เพิ่มขึ้นจากปี 65 ที่มีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 0.55% โดยกลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากการลดลงของต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหาร ขณะที่มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากการมีอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจน้ำมันปาล์ม และกลุ่มธุรกิจคลังสินค้า ท่าเทียบเรือ และขนส่ง

ขณะที่ 6 เดือนของปี 2567  บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 209.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.80% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 1.62% ของรายได้รวมใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 1.44% ของรายได้รวม