ตลาด IPO อาเซียนทรุด! ต่ำสุดรอบ 10 ปี ไทยระดมทุนได้น้อยลงเฉียด 50%

ตลาด IPO อาเซียนทรุด! ต่ำสุดรอบ 10 ปี ไทยระดมทุนได้น้อยลงเฉียด 50%

กิจกรรม IPO ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดิ่งลงต่ำสุดในรอบเกือบทศวรรษ ท่ามกลางแรงกดดันจากดอกเบี้ยสูง ความไม่แน่นอนทางการเมือง และความเชื่อมั่นนักลงทุนที่ลดลง ส่วน "มาเลเซีย" สวนกระแสด้วยผลงานดีที่สุดในรอบ 6 ปี แต่ไทยระดมทุนได้ต่ำลงจากปี 2023 กว่า 42%

สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย รายงานวันนี้ (25 ธ.ค.67) ว่า ตลาดทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เผชิญกับจุดต่ำสุดในรอบเกือบทศวรรษในปี 2024 โดยกิจกรรมการประกาศขายหุ้นให้ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ลดลงอย่างมาก สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันที่กระทบตลาดโลก ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่สูง ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณว่าแนวโน้ม IPO ในภูมิภาคดังกล่าวจะฟื้นตัว สาเหตุจากนักลงทุนเริ่มให้ความสำคัญกับตลาดหุ้นในภูมิภาคมากขึ้น การเพิ่มขึ้นของการจดทะเบียนหุ้นขนาดเล็กที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนเอกชน

นักวิเคราะห์ตลาดทุนในภูมิภาคระบุว่า บริษัทเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เคยมองหาการทำ IPO ในสหรัฐ ตอนนี้เริ่มสนใจตลาดหลักทรัพย์ท้องถิ่นมากขึ้น ท่ามกลางการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนเอกชน และการปฏิรูปในประเทศ

แม้ว่าบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับการยอมรับในระดับโลกจากการจดทะเบียนในสหรัฐหลังการระบาดของโควิด แต่บริษัทขนาดเล็กกว่าที่ต้องการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐมักพบในภายหลังว่ามีการแข่งขันที่สูงและประสบความสำเร็จได้ยากซึ่งส่งผลให้สตาร์ตอัปในภูมิภาคหันมาพิจารณาการจดทะเบียนในท้องถิ่นแทน

ตลาด IPO อาเซียนทรุด! ต่ำสุดรอบ 10 ปี ไทยระดมทุนได้น้อยลงเฉียด 50% ตลาดไอพีโอในอาเซียนปี 2024 ไม่สดใส

"ความเป็นจริงนั้นแตกต่างออกไป หากเราดูตัวอย่างล่าสุดอย่างการจดทะเบียนที่ประสบความสำเร็จของ Grab ในสหรัฐมันได้สร้างความตื่นเต้นอย่างมากในตลาดทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วโลก แต่ถ้าบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีขนาดไม่ใหญ่พอ อาจจะประสบปัญหาในการสร้างการรับรู้" เทย์ ฮวี หลิง ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดทุนของดีลอยท์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าว

เธอสังเกตว่า แม้บริษัทมักจะประสบความสำเร็จในการระดมทุนรอบแรก แต่จะเผชิญความท้าทายในภายหลังเนื่องจากความสนใจหรือปริมาณการซื้อขายที่จำกัด เทย์คาดการณ์ว่าแนวโน้มที่บริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รีบเร่งไปจดทะเบียนในสหรัฐน่าจะชะลอตัวลง

การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเปิดโอกาสให้ตลาดหลักทรัพย์ท้องถิ่นได้จัดเตรียมแพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจในการระดมทุนทั้งในภาคเทคโนโลยี และด้านอื่นๆ ตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคอย่าง Bursa Malaysia, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ IDX ของอินโดนีเซีย กำลังวางตำแหน่งตัวเองเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า โดยเสนอความแน่นอน และการเข้าถึงนักลงทุนในประเทศที่มากขึ้นให้กับบริษัทต่างๆ

ข้อมูลจากนักลงทุนเวนเจอร์แคปิทัล เปิดเผยว่า แพลตฟอร์มซื้อขายรถมือสองของมาเลเซียอย่าง Carsome ซึ่งเคยมองหาการเสนอขายหุ้นในสหรัฐตอนนี้ต้องการจดทะเบียนในประเทศแทน

ตลาด IPO อาเซียนทรุด! ต่ำสุดรอบ 10 ปี ไทยระดมทุนได้น้อยลงเฉียด 50% มูลค่าการระดมทุนไอพีโอในอาเซียนปี 2024

 

แนวโน้มดังกล่าว อาจช่วยยกระดับตลาด IPO ที่ซบเซาของภูมิภาค ในรายงานตลาดทุนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปี 2024 ของดีลอยท์ระบุว่า ตลาด IPO ในภูมิภาคช่วง 10 เดือนครึ่งแรกของปี 2024 ลดลงอย่างรุนแรง โดยมี IPO เพียง 122 รายการที่ระดมทุนได้ 3 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับ 163 รายการที่ระดมทุนได้ 6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023

โดยรวมแล้ว มาเลเซียมีสัดส่วน 53% ของเงินทุน IPO ทั้งหมดที่ระดมได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2024 ตามมาด้วยไทย 26% และอินโดนีเซีย 12%

บทวิเคราะห์ของนิกเคอิ เอเชีย ระบุว่า อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตัวชี้วัด IPO ในภูมิภาค พบว่าเงินทุนที่ระดมได้ในปี 2024 ลดลง 90% โดยลดลงเหลือ 368 ล้านดอลลาร์จาก 3.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนก.พ.และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่ทำให้บริษัทต่างๆ ต้องชะลอแผนการลงทุน

หลังจากที่ดีลอยท์รวบรวมข้อมูล หน่วยธุรกิจในอินโดนีเซียของร้านวัสดุก่อสร้าง Mr.DIY จากมาเลเซียได้เข้าจดทะเบียนเมื่อวันพฤหัสบดี การ IPO ช่วยให้บริษัทระดมทุนได้ 4.15 ล้านล้านรูเปียห์ (257 ล้านดอลลาร์) แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยส่วนต่างจากปี 2023

สำหรับประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดหุ้นใหญ่อันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ประสบปัญหาเช่นกัน กฎระเบียบใหม่ที่กำหนดให้ผู้สมัคร IPO ต้องมีงบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบ 3 ปี ทำให้การเข้าจดทะเบียนช้าลง โดยเงินทุนที่ระดมได้ลดลงเหลือ 756 ล้านดอลลาร์ ลดลง 42% จาก 1.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023

ในสิงคโปร์ แม้จะมี IPO เพียง 4 รายการเทียบกับ 6 รายการในปีที่แล้ว แต่เงินทุนที่ระดมได้ลดลงเพียงเล็กน้อยเหลือ 34 ล้านดอลลาร์ นักวิเคราะห์ยังชี้ให้เห็นถึงความสนใจที่ฟื้นตัวในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นจุดแข็งดั้งเดิมของตลาดหุ้นสิงคโปร์ ขณะที่ฟิลิปปินส์มี IPO เพียง 3 รายการแต่ระดมทุนได้ 203 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 81 ล้านดอลลาร์ในปี 2023

ในขณะที่ตลาดอื่นๆ ประสบปัญหา มาเลเซียกลับโดดเด่นขึ้นมา โดยมีผลงานดีที่สุดในตลาดของภูมิภาค Bursa Malaysia มีผลงานดีที่สุดในรอบ 6 ปี โดยมี IPO 46 รายการ และระดมทุนได้ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ณ เดือนต.ค. ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาเลเซียมี IPO เพิ่มอีก 9 รายการหลังจากรายงานของดีลอยท์ โดยที่โดดเด่นที่สุดคือ 99Speed Mart ผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อที่ระดมทุนได้ 574 ล้านดอลลาร์ ทำให้เป็น IPO ที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคในปีนี้

ถอดบทเรียนความสำเร็จ 'มาเลย์'

นักวิเคราะห์ชี้ว่าความสำเร็จของมาเลเซียมาจากปัจจัยสำคัญสองประการ: การปฏิรูปภายในประเทศ และการมุ่งเน้นไปที่ IPO ท้องถิ่นขนาดเล็ก นอกจากนี้ ACE Market ของ Bursa Malaysia ซึ่งออกแบบมาสำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ได้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทที่มีการเติบโตสูง โดยมีการจดทะเบียน 39 รายการในปีนี้

การมุ่งเน้นที่ IPO ขนาดเล็กและเฉพาะภาคส่วนกำลังกลายเป็นแนวโน้มที่โดดเด่นทั่วทั้งภูมิภาค ในช่วงที่ไม่มีการจดทะเบียนขนาดใหญ่ สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าอุตสาหกรรม และพลังงานหมุนเวียนกลายเป็นภาคส่วนนำ โดยคิดเป็นเกือบ 70% ของกิจกรรม IPO ทั้งหมด

เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว การจดทะเบียน 10 อันดับแรกคิดเป็น 60% ของเงินทุนที่ระดมได้ แนวโน้มในปี 2024 ชี้ไปที่การจดทะเบียนที่เล็กกว่าแต่มีความยืดหยุ่นมากกว่า เป็นบริษัทที่มีผลงานพิสูจน์แล้วในตลาดท้องถิ่น

PwC ระบุในรายงานตลาดทุนว่าตลาดมีแนวโน้มจะฟื้นตัวในปีหน้า เมื่อสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคมีเสถียรภาพมากขึ้น การคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยในหลายภูมิภาคมีแนวโน้มจะกระตุ้นการเพิ่มขึ้นของ IPO ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นักลงทุนเอกชนก็ได้เข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่าง โดยกลายเป็นแรงเสริมให้กับบริษัทก่อน IPO ตามรายงานของ Golden Gate Ventures และ INSEAD ซึ่งเป็นสถาบันธุรกิจ กองทุนเอกชน และเวนเจอร์แคปิทัลกำลังสนับสนุนสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น สร้างกลุ่มบริษัทที่พร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

รายงานคาดการณ์ว่าจะมีการ exit รวมถึง IPO และการขายกิจการ 700 รายการระหว่างปี 2023 ถึง 2025 ขับเคลื่อนโดยผู้นำด้านเทคโนโลยีในภูมิภาคและการเพิ่มเงินทุนในช่วงท้าย

เทคโนโลยีโดยเฉพาะมีแนวโน้มจะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นตัวของ IPO ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การแยกตัวระหว่างสหรัฐและจีนได้เร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และฟินเทคฯ ทั่วทั้งภูมิภาค นักวิเคราะห์ยังชี้ให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI และสตาร์ตอัปพลังงานหมุนเวียนว่าเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของกิจกรรม IPO ในอนาคต เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังกลายเป็นจุดศูนย์กลางสำคัญในระบบนิเวศเทคโนโลยีโลก และนั่นกำลังดึงดูดนักลงทุนในบริษัทนวัตกรรมท้องถิ่น

มาเลเซียมีแนวโน้มจะยังคงเติบโตต่อไป ด้วยสิ่งจูงใจสำคัญ เช่น ระยะเวลาอนุมัติ IPO ที่สั้นลง การลดหย่อนภาษี และการเร่งการย้ายจาก ACE market ไปยังตลาดหลัก โดยไอวี่ อึง หัวหน้าฝ่ายวิจัยมาเลเซียของ CIMB ระบุในรายงานเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ว่า ตลาดหุ้นมาเลเซียยังคงเป็นบวก ขับเคลื่อนโดยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเป็นปีที่สามติดต่อกัน โดยคาดว่าการเติบโตจะอยู่ที่ 8% ภายในสิ้นปี 2025

"แผนที่อาจจะมีการแนะนำโครงการเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียน คล้ายกับโครงการ Value-Up ในญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ อาจช่วยกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนต่างชาติในมาเลเซีย" อึง กล่าว

อินโดนีเซีย ซึ่งความไม่แน่นอนทางการเมืองส่วนใหญ่ผ่านพ้นไปแล้ว พร้อมสำหรับการฟื้นตัว โดยเฉพาะในการจดทะเบียนที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและทรัพยากร โดยมีบริษัท 66 แห่งในไปป์ไลน์ ตามข้อมูลของ IDX การผลักดันของไทยสำหรับ IPO ด้านเทคโนโลยี และการดูแลสุขภาพ รวมกับการปฏิรูปกฎระเบียบ อาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้น

ในขณะเดียวกัน การกลับมาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้รับเลือกตั้งในทำเนียบขาวจะเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับหลายตลาด รวมถึงตลาด IPO การฟื้นฟูนโยบายการค้า "อเมริกามาก่อน" อาจพลิกโฉมความทะเยอทะยานด้าน IPO ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรกของทรัมป์ อุปสรรคทางการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ได้สร้างรอยร้าวระหว่างจีน และสหรัฐ และนักวิเคราะห์คาดว่าจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันเมื่อเขากลับเข้ารับตำแหน่งอีกครั้ง

ด้าน MIDF คลังสมองท้องถิ่นระบุในมุมมองตลาดปี 2025 ว่า ตลาดในภูมิภาคจะเผชิญกับความผันผวนในช่วงต้นปีนี้ ความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อได้เพิ่มความไม่มั่นคง ซ้ำเติมด้วยความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวอัตราดอกเบี้ยในอนาคตของเฟด

 

 

อ้างอิง: Nikkei Asia 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์