SPCG เดินหน้า”โซลาร์อีอีซี” ลุ้นทยอยรับรู้รายได้ปลายปีนี้
“เอสพีซีจี” เดินหน้าโซลาร์ฟาร์มอีอีซี ลุ้นเข้าก่อสร้างและทยอยรับรู้รายได้ปลายปีหรือต้นปีหน้า คงเป้ารายได้ 4.7 พันล้าน แม้ครึ่งปีแรกรายได้ลดลง หลัง 9 โรงไฟฟ้าแอดเดอร์ทยอยสิ้นสุด พร้อมบริหารจัดการผลิตไฟฟ้าให้ใกล้เคียงเป้า 388 ล้านหน่วย
นายพิพัฒน์ วิริยธรานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กำลังผลิตติดตั้งรวมไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์ งบลงทุนราว 12,500 ล้านบาท โดยเฟสแรกตั้งเป้า 23 โครงการ กระจายใน 3 จังหวัด ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 316 เมกะวัตต์ (61 จุดขาย)
ปัจจุบันได้ลงทุนจัดซื้อที่ดินไปแล้ว 3,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาที่มีความคืบหน้าไปแล้วราว 95% ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งขอใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อเข้าดำเนินการก่อสร้าง และกำหนดวันเริ่มจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) โดยยังหวังจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในช่วงปลายปีนี้ และสามารถรับรู้รายได้บางส่วนเข้ามาได้ช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้า หากบริษัทสามารถติดตั้งรายได้โซลาร์ฟาร์มครบ 500 เมกะวัตต์ น่าจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาทต่อปี
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ปีนี้ยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 4,700 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ 4,500 ล้านบาท แม้ครึ่งปีแรกมีรายได้ 2,019 ล้านบาท ลดลง 14.5% และกำไร 1,254 ล้านบาท ลดลง 15.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุจากจำนวนโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มที่ได้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ทยอยสิ้นสุดในปีนี้รวม 9 โครงการ แต่ธุรกิจอื่นๆ ยังทรงตัวจากปีก่อน
"ปีนี้จะมีโรงไฟฟ้าที่ได้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าทยอยสิ้นสุดรวม 4 โครงการ รวมโครงการที่หมดไปแล้ว ปี 2564 จำนวน 4 โครงการและปี 2563 จำนวน 1 โครงการ รวมเป็น 9 โครงการ ขณะที่ ปี 2566 จะหมดอีก 14 โครงการ และ จะหมดปี 67 อีก 13 โครงการ ซึ่งส่งผลให้รายได้หายไปปีละ 900 ล้านบาท หรือ 1 โครงการกระทบต่อรายได้ประมาณ 75-80 ล้านบาท แต่ต้นทุนทางการเงิน หรือภาระหนี้บริษัทก็จะหมดลงไปด้วยเช่นกัน"
ด้านกำลังผลิตไฟฟ้าปีนี้จะพยายามทำให้ได้ใกล้เคียงหรืออาจจะต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย วางเป้าไว้ที่ 388 ล้านหน่วย สาเหตุธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม ประสบปัญหาทางด้านสภาพอากาศ โดยครึ่งปีแรกยังผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าเป้า 9 ล้านหน่วย และช่วง 8 เดือนปีนี้ยังต่ำเป้าอยู่ ดังนั้น ทั้งปีจะพยายามให้ได้ใกล้เคียงเป้ามากที่สุด คาดหวัง 4 เดือนที่เหลือเป็นช่วงเข้าฤดูหนาวและช่วงปลายฝนเป็นช่วงที่บริษัทสามารถผลิตพลังงานได้ดีสุดและจะพยายามบริหารจัดการค่าพลังงาน ทำให้ได้ไกลเคียงเป้ามากที่สุด
“ส่วนดีลใหม่ๆ ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งก่อนหน้านี้มีการคุยการลงทุนในญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีกหลายดีลก็ยังคุยกันอยู่ และหากมีความชัดเจนเกิน 50% จะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป"