TEGH จ่อขายหุ้นไอพีโอ นำเงินระดมทุนโตครั้งใหม่
“จุดเด่น" หุ้นไอพีโอ บมจ. ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ TEGH ลูกค้าเป็นผู้ผลิตยางล้อชั้นนำทั้งใน และต่างประเทศ และขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง Michelin Bridgestone Goodyear Deestone Sumitomo ฯลฯ
อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตก้าวกระโดด โดยเฉพาะปัจจุบันตลาดถูกกระตุ้นด้วย “อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า” (EV)
ด้วยศักยภาพการเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้ผลิตพลังงานทดแทนประเภทพลังงานชีวภาพแบบครบวงจรรายใหญ่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สารพัดปัจจัยบวกกำลังส่งผลบวกต่อหุ้นไอพีโอน้องใหม่ TEGH
กำลังจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 270 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.80 บาท มูลค่าที่ตราไว้ 1.00 บาท คาดว่าจะเข้าซื้อขายแรก (เทรด) 30 ก.ย. 2565
โดย TEGH ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ 2. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และ 3. ธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ ผ่านการดำเนินงานของบริษัทย่อย จำนวน 11 บริษัท และการร่วมค้า จำนวน 1 บริษัท ซึ่งแต่ละธุรกิจมีศักยภาพเติบโตได้มั่นคง ช่วยกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง
“สินีนุช โกกนุทาภรณ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) TEGHให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นครั้งนี้ !! เพื่อต้องการสร้างการเติบโตครั้งใหม่ หลังเงินระดมทุนจะทำให้มีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง และมีแหล่งเงินทุนซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการต่อยอดธุรกิจที่จะทำให้บริษัทสามารถขับเคลื่อนการเติบโตอย่าง “ก้าวกระโดด” ได้ในระยะยาว
สะท้อนผ่านเงินระดมทุนบริษัทจะนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการในอนาคตของกลุ่มบริษัทและกระบวนการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทเพื่อสนับสนุนเป้าหมายในการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงเพื่อนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของกลุ่มบริษัทอีกด้วย
สอดรับเป้าหมาย 5 ปีข้างหน้า คาดรายได้แตะ 22,000 ล้านบาท จากปี 2564 ที่มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการ 11,087 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรก ปี 2565 มีรายได้อยู่ที่ 7,536.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน 45%โดยมองปีนี้หลังจากขยายกำลังการผลิตไปแล้วตามเป้า แม้ไตรมาส 3 ปี 65 ราคายางจะปรับตัวต่ำลง แต่เฉลี่ยทั้งปียังเป็นราคาที่สูงกว่าปี 64 ขณะที่กลุ่มลูกค้ายางล้อ และน้ำมันปาล์มยังมีความต้องการใช้สินค้าของบริษัทต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะเป็นไปตามแผนการเติบโต
การขยายกำลังการผลิต เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการผลักดันรายได้ของ TEGH เพื่อรองรับแนวโน้มความ ต้องการยางแท่งที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคตจากปัจจัยสำคัญ ปัจจุบันรัฐบาลในหลายประเทศในทวีปยุโรปและสหรัฐ เช่น สหรัฐ แคนาดา สหภาพยุโรป เป็นต้น สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าโดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมีนโยบายให้สิทธิพิเศษสำหรับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
โดยองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่าด้วยนโยบายสนับสนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากรัฐบาลต่างๆ จะส่งผลให้จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกมีการเติบโตจาก 11 ล้านคันในปี 63 เป็น 145 ล้านคัน ในปี 73 หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 30% ต่อปี ซึ่งจะทำให้ความต้องการยางล้อรถยนต์เพิ่มสูงขึ้น
ท้ายสุด “สินีนุช” บอกไว้ว่า เรามีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งเป็นผู้ผลิตยางล้อชั้นนำระดับโลก อาทิ Michelin, Bridgestone, Goodyear, Sumitomo, Pirelli, Apollo และ Yokohama เป็นต้น ซึ่งมีการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้บริษัทมีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาวรวมทั้งธุรกิจของบริษัทไม่ได้ถูกดิสรัปชัน แม้จะเปลี่ยนจากคนน้ำมันมาเป็นไฟฟ้าก็ยังคงต้องใช้ยางล้อรถอยู่ดี !
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์