โบรกชี้ "หุ้นแบงก์ - ประกัน" เด่น รับกนง.จ่อขึ้นดบ.-บอนด์ยีลด์10ปีพุ่ง
“บล.โนมูระ พัฒนสิน” ชี้ "หุ้นกลุ่มแบงก์-ประกัน" คึกคัก คาดกนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% -ช่วยประคองดัชนี เผยแม้วานนี้จะปรับตัวลง แต่ถือว่าน้อยกว่าตลาดรวม แนะทยอยสะสมระยะกลางถึงยาวได้ “บล.เอเซีย พลัส” มองหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ รับเซ็นทริเมนต์เชิงบวก
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า แม้ว่าวานนี้ (27 ก.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทย มีการพักฐานที่ระดับ 1,610-1,620 จุด มองเป็นสัญญาณเชิงลบทางเทคนิค และตลาดรอความชัดเจนผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในช่วงบ่ายวันนี้ ( 28 ก.ย.) ว่าจะมีมุมมองต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ปรับขึ้นได้อีกแค่ไหน
โดยหุ้นที่ยังช่วยประคองดัชนี จะเป็นหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มประกัน(กลุ่ม Yield SurgePlay) ซึ่งได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ( Bond Yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า กนง.รอบนี้ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% พร้อมส่งสัญาณเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว เพิ่มความเชื่อมั่น ประกอบกับวานนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร ( Bond Yield) 10ปี ของไทย ขยับขึ้นต่อเนื่อง แตะระดับ3.173% สูงสุดตั้งแต่ 19 พ.ค. 2565 ยังคงแนะนำทยอยลงทุนธีมระยะกลางและยาว กลยุทธ์เชิงตั้งรับ หุ้นเด่น ได้แก่ SCB BBL และ TLI
ส่วนกรณีที่ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ใหญ่ และประกันชีวิตปรับตัวลงวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดลงน้อยกว่าตลาด มองว่า หากการอ่อนค่าของเงินบาทเริ่มนิ่ง รวมถึงธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์)ยังมองบวกต่อเศรษฐกิจไทย โดยปรับเพิ่มคาดการณ์จีพีดีปีนี้เป็น 3.1% และ 4.1%ในปีหน้า หนุนหุ้นกลุ่มแแบงก์ใหญ่ เช่น SCB BBL จะกลับมาปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ TLI ไม่มีปัจจัยอื่น แต่เมื่อราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้านระดับ 17.80 บาท มักจะมีแรงขายลดความเสี่ยงลงมาบ้าง แต่ยังหากมองไปข้างหน้ายังเป็นหุ้นหลักที่น่าลงทุน
สำหรับทีมกลยุทธ์การที่บอนด์ยีลด์ปรับขึ้นต่อเนื่อง เป็นบวกต่อหุ้นประกัน หนุนทั้งประโยชน์ ขารายได้ (การลงทุนได้ผลตอบแทนดีขึ้น) และต้นทุน (ภาระผูกพันในอนาคต) ซึ่ง TLI ยังเป็นหุ้นหลักที่น่าลงทุน เพราะเป็นหุ้นประกันเชิงพื้นฐานคุณภาพเทียบเคียงหุ้นประกันในภูมิภาค แต่ราคาหุ้นยังมีส่วนลด ขณะที่ปลายปีนี้มีลุ้นได้เข้าคำนวณในดัชนี MSCI และ SET 50 รอบใหม่ ราคาเป้าหมายสิ้นปี 20.10 บาท
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยมองการประชุมกนง. ในวันที่ 28 ก.ย. มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% หรือ 0.5% คาดสร้างเซ็นทริเมนต์เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ อย่าง BBL ที่มีโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยลอยตัวราว 89% สูงเป็นอันดับสองของกลุ่ม รองจาก KTB
ประกอบกับทิศทางดอกเบี้ยทั่วโลก ที่เร่งตัวเร็ว หนุนดอกเบี้ยรับ (Yield on Loan) ในกลุ่มสินเชื่อระหว่างประเทศ (สัดส่วน 25% ของพอร์ตสินเชื่อ) เป็นบวกต่อ กําไรก่อนสํารองและภาษี (PPOP) ในช่วงถัดไป และทิศทางสินเชื่อรายใหญ่ยังมีโมเมนตัมดีต่อเนื่อง ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงมีความต้องการใช้สินเชื่อเพิ้มขึ้นเป็นพิเศษ น่าจะช่วยลดความเสี่ยงขาลง ( limit downside) ของราคาหุ้น ราคาเป้าหมายสิ้นปี 152 บาท
รวมถึงบอนด์ยีลด์ไทย ที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลบวกต่อธุรกิจประกันชีวิต น่าสนใจ โดยเฉพาะประโยชน์มากที่สุด ต่อการลงทุนของ BLA และคาดกำไรสุทธิปี 2565 จะโต18% จากปีก่อน เพราะว่าธุรกิจประกันชีวิตฟื้นตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากขึ้น คาดกำไรไตรมาส 3 ยังดีต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมานี้ ราคาหุ้นมีความน่าสนใน ราคาเป้าหมาย 52 บาท
นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นกลุ่มประกัน มองเป็นการ Trading Buy ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ, ไทย 10 ปี ที่ปรับตัวสูงขึ้น ตามมุมมองของ FED ที่จะยังขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อสู้กับเงินเฟ้อโดยธนาคารกลางสหรัฐมองอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot)ที่ 4.4% / 4.6% ในปี 2022 / 2023 ตามลำดับ
หุ้นเด่น คือ BLA (ราคาเป้าหมายทางพื้นฐาน 56.00 บาท แนะนำ ซื้อ) จาก Correlation (ค่าสหสัมพันธ์) ที่สูงกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของไทย และ มูลค่าปัจจุบันค่อนข้างถูก เทรดอยู่เพียง P/EV 0.85 เท่า ในปี 2565
พร้อมกันนี้ คาดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทุก 0.25% จะหนุนกำไรสุทธิของธนาคารใหญ่เพิ่มขึ้น 6-8% และจะเป็น อัพไซด์ ต่อกำไรปี 2023 ของธนาคาร BBL, KTB, SCB ราวๆ +7%, BAY +5%, TTB และ KKP +1% ขณะที่ TISCO จะกระทบ -2% โดยหุ้นเด่นเลือก BBL, SCB