หุ้นใหญ่“BTG” สะเทือนไอพีโอ FA เปิดทุกปม "ล็อกหุ้นเดิม 100 %"
สัปดาห์ที่ผ่านมาประเด็นร้อนฮอตฉ่า “หุ้นน้องใหม่ไอพีโอ” เกิดกระแสพูดถึงกันมากในกลุ่มนักลงทุนรายย่อย จากประเด็นหุ้นใหญ่ไซต์หมื่นล้าน “เบทาโกร” หรือ BTG ทำราคาหุ้นต่ำจองตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นวินาทีแรกเปิดทำการซื้อขาย
ถือว่าผิดฟอร์มจากกระแสดีเพราะเป็นธุรกิจอยู่มานาน เข้าทำเนียบหุ้นใหญ่จากการระดมทุนครั้งนี้ 20,000 ล้านบาท ราคาเสนอขาย 40.00 บาทต่อหุ้น เรียกได้ว่าเป็นไอพีโอกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทยเท่าที่เคยมีมา และยังมีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้ ซึ่งมีชื่อสินค้าเป็นที่รู้จักกัน เช่น S Pure, แบรนด์ Betagro และ แบรนด์ ITOHAM เป็นต้น
ปรากฎการณ์ราคาหุ้นต่ำจองสามารถเกิดได้กับหุ้นไอพีโอได้ แต่กรณีของ BTG กลับมีทั้งปมตั้งแต่การตั้งราคา 40 บาท มีการเปรียบเทียบราคาหุ้นต่อกำไรย้อนหลัง 12 เดือน (P/E) ที่ 21 เท่าเทียบกับกลุ่มหรือหุ้นอื่นมองว่าสูงเกินไปราคาหุ้นเข้าข่าย “Full Value” จนขาด “ราคาส่วนลด” ให้นักลงทุน
รวมกับธุรกิจ “เบทาโกร” กลุ่มสินค้าอาหาร-เกษตร หรือคอมมูนิตี้ทำให้มีความผันผวน จากราคาเนื้อหมูเนื้อไก่ในตลาด และบริษัทระดมทุนส่วนใหญ่ไปใช้ในการขยายธุรกิจฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่เพื่อเพิ่มกำลังซึ่งเป็นการขยายใน “ธุรกิจดั้งเดิม - การเติบโตจำกัด “
และประเด็นใหญ่คือการเปิดซื้อขายวันแรก (2 พ.ย. 2565) ราคาหุ้น เปิดที่ 39.75 บาท ด้วย ATO (At the Open) พบว่ามีรายการตั้งขาย (OFFER) จำนวนรวม 75 ล้านหุ้น เป็นปัจจัยทำให้ราคาหุ้นหลุดต่ำจอง และช่วงท้ายตลาดมีออร์เดอร์ขายล็อตใหญ่ 16 ล้านหุ้น จนราคาหุ้นลงมาปิดต่ำสุดของวัน 36.25 บาท
จนเป็นคำถามถัดมาการกระจายหุ้นอยู่ในมือใครและใครขายในราคาที่ต่ำกว่าในกระดาน!!
ประเด็นดังกล่าวทำให้ ผู้อยู่เบื้องหลังผลัดดันหุ้นเข้าตลาดหุ้นหรือโบรกเกอร์ใหญ่ โดนโจมตีอย่างหนักตั้งราคาไม่เหมาะสม – ไม่ใช้หุ้น Geenshoe พยุงหุ้น
“อนุวัฒน์ ร่วมสุข” กรรมการผู้จัดการ ประธานสายวานิชธนกิจและตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและยังเป็น ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriters)ยอมพูดถึงหุ้น BTG
โดยกล่าวถึงการจัดสรรหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมต้องเข้าเกณฑ์ Silent Period 55% ของ "ผู้ถือหุ้นเดิม" แต่ทุกดีลที่ผ่านมา บล.เกียรตินาคินภัทร มีการเช็นสัญญาล็อกอัพกลายเป็น 100 % ของผู้ถือหุ้นเดิมจะติด Silent Period กลุ่มนี้จึงไม่มีใครขายหุ้นออกมา
ทางบริษัทดำเนินธุรกิจมายาวนานการเตรียมเข้าตลาดหุ้นต้องมีการ “ปรับโครงสร้างบริษัท” กล้าพูดได้เลยว่าเป็นปกติทุกเคสไอพีโอหากบริษัทมีกำไรสะสม และทำมาหาเก็บมานานก่อนเข้าตลาดหุ้นย่อมเคลียในส่วนนี้ก่อน เป็นการจ่ายปันผลจากกำไรสะสมในอดีตให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมบริษัท
ขณะที่ การตั้งราคาหุ้นที่ 40 บาท เป็นการสำรวจราคาจากนักวิเคราะห์ชั้นนำที่คาดการณ์เติบโตอนาคตของ BTG กำไรปี 2566 ที่ 8,500 -9,000 ล้านบาทระดับ P/E 9 เท่า ในฐาน FA ต้องหาจุดที่ตกลงกันได้ว่า “คนซื้อยอมจ่าย คนขายยอมซื้อ “ และทั้งสถาบัน – Connerstone มีฝ่ายวิเคราะห์การเลือกลงทุนอยู่แล้ว
ดังนั้นจึงอยากทำความเข้าใจกับนักลงทุนด้วยว่าราคาหุ้น 40 บาท ว่าแพงเกินไปเป็นราคาที่สะท้อนอนาคตไม่ได้เป็นราคาหุ้นในปัจจุบันที่ P/E 21 เท่า อย่างที่มีการกล่าวถึงกัน
สำหรับ ความเคลื่นไหวราคาหุ้นวันแรกที่เข้าตลาด(2 พ.ย.)มี ATO ขาย 75 ล้านบาท ออกมามีทั้ง รายการหุ้นหลักพันหุ้น จนไปถึง นักลงทุนต่างประเทศ ที่ผ่านมาในการซื้อขายของ บล.เกียรตินาคินภัทร คาดว่าเป็นการขายลดความเสี่ยงจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกอย่างการประชุม FED เตรียมขึ้นดอกเบี้ย 0.75 % ส่วนโบรกอื่นไม่ทราบ ...
ดังนั้น สถานการณ์ราคาหุ้นวันแรก มีการเทขายออกมาขนาดนี้วอลลุ่มซื้อขายระดับหมื่นล้านบาท การใช้เครื่องมือนี้ที่มีมูลค่าหุ้น 2,000 ล้านบาทในมือ แทบจะไม่เกิดผลแม้จะใช้ทั้งหมดหน้าตัก
การพิจารณาใช้หุ้น Geenshoe ที่มีระยะเวลา 30 วัน เพื่อ “แค่ยันราคาหุ้น” แต่ “ไม่สามรถชี้นำราคาหุ้น” ในตลาดได้มองแล้วว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม และ FA หรือ บริษัทไม่ได้รับประโยชน์จากการปล่อยหุ้นร่วงเพื่อใช้ Geenshoe เอาส่วนต่างเพราะไม่มีผลประโยชน์ส่วนนี้เข้ากระเป๋าเลยยกเว้นค่าธรรมเนียมเป็นที่ปรึกษาการเงิน ..