เฮียม๊อ ปัดขายหุ้น MORE ยันถือครบ 1.5 พันล้านหุ้น คาดก๊วน อภิมุข บำรุงวงศ์ ขาย

หลังกลายเป็นประเด็นร้อนในแวดวงตลาดทุน สำหรับหุ้น MORE ที่มีการซื้อขายหุ้นมูลค่ารวมกว่า 4,300 ล้านบาท ท่ามกลางกระแสข่าวว่าผู้รับซื้อไม่สามารถหาเงินมาชำระค่าซื้อได้ ภาระทั้งหมดจะตกอยู่กับโบรกเกอร์ที่คีย์ออเดอร์ซื้อออกไป ล่าสุดหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MORE ได้ออกมาปฎิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าว

นาย อมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ (เฮียม๊อ) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ1 บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่ได้ ขายหุ้น MORE ออกมาเลย โดยปัจจุบันยังคงถือหุ้นครบทั้งจำนวนกว่า 1,500 ล้านหุ้น  และจากการสอบถามผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 3-5  คือ นายศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล , นายอภิมุข บำรุงวงศ์ และ นายวสันต์ จาวลา ก็ไม่ได้ขายหุ้นออกมาเช่นกัน 

ทั้งนี้โดยส่วนตัวอยู่ระหว่างขอปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น เพื่อดูว่าใครถือหุ้นอยู่ในปัจจุบันบ้าน ส่วนผู้ถือหุ้นผ่านบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ที่ถือหุ้นอันดับ 2 นั้น โดยส่วนตัวไม่ทราบว่าใครถือหุ้นอยู่บ้าง 

นายอมฤทธิ์ กล่าวว่า  คาดว่าผู้ที่ขายหุ้นออกจำนวน 1,500 ล้านหุ้นนั้น เป็นกลุ่มนักลงทุนระยะสั้นที่ นายอภิมุข เป็นผู้ชักชวนเข้ามาลงทุนและถือหุ้นไม่ถึง 1 ปี ซึ่งในอดีต กลุ่มผู้ลงทุนที่นายอภิมุข ชักชวนมาลงทุน หากถือไประยะหนึ่งแล้ว ต้องการขาย นายอภิมุข ก็จะเป็นผู้รับซื้อไว้ 

สำหรับกรณีที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในปัจจุบัน โดยส่วนตัวเชื่อว่าถ้า นายอภิมุข เป็นผู้ไปรับซื้อจากนักลงทุนที่เขาชวนมาลงทุน กรณีนี้ก็ไม่แปลกใจ เพราะ นายอภิมุข ก็เคยทำแบบนี้มาแล้ว

 เขากล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลงแรงมาก จนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ของบริษัทร่วงลงมาเหลือเพียง 8,947 ล้านบาท จากเดิมที่เคยสูงถึงระดับ 20,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทราบข้อมูลมาว่า นายอภิมุข ได้เข้าไปเจรจากับโบรกเกอร์ เพื่อที่จะกลับเข้ามาซื้อหุ้น แต่ในรายละเอียดปลีกย่อยโดยส่วนตัวไม่ได้รับทราบ

“มองว่าหากตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ขึ้น SP หุ้น MORE เชื่อว่าราคาหุ้นก็จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และน่าจะร่วงติดฟลอร์ไปอีกหลายวัน เพราะ นักลงทุนอาจจะไม่เชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนหุ้นของบริษัท  โดยเรื่องการขอขึ้นเครื่องหมาย SP นั้นเราไม่สามารถทำได้ ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของตลาดหลักทรัพย์ฯ”