‘เฮียม้อ’ แจงติดต่อ ‘อภิมุข’ ไม่ได้ 3 วันแล้ว ฟากฐานะ ‘โบรกเกอร์’ ผ่านฉลุย
หุ้น MORE เริ่มรีบาวด์ปิดตลาดบวก 22% หลังตอนเช้าดิ่งฟลอร์ที่หก ด้าน “เฮียม้อ” ปัดข่าวไม่รู้ “อภิมุข” หนีออกนอกประเทศหรือไม่ แต่ยอมรับติดต่อไม่ได้ 2-3 วันแล้ว พร้อมยอมรับราคาหุ้นที่ร่วงต่ำ ส่งผลบริษัทยังระดมทุนไม่ได้ ด้านสมาคมโบรกฯ ย้ำชัดฐานะสมาชิกทุกรายยังแข็งแกร่ง
ราคาหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE เริ่มรีบาวด์กลับขึ้นมาบ้างในช่วงการซื้อขายภาคบ่ายของวานนี้ราว 22% ซึ่งคาดว่าเป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไรในช่วงสั้นๆ
โดยราคาหุ้น MORE เริ่มรีบาวด์กลับขึ้นมาได้บ้างในวานนี้(24พ.ย.) มาปิดตลาดที่ระดับ 0.59 บาท เพิ่มขึ้น 0.11 บาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 22.92% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นกว่า 2,379 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรีบาวด์กลับขึ้นมาอย่างร้อนแรง หลังจากที่ในช่วงเช้าราคาหุ้นได้ร่วงลงจนติดเพดานการซื้อขาย(ฟลอร์) ต่อเนื่องเป็นวันที่หก
ทั้งนี้หุ้น MORE ยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีโดยตำรวจและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) หลังจากที่ ปปง.มีคำสั่งอายัดทรัพย์จากผู้เกี่ยวข้องรวม 34 รายการ มูลค่ากว่า 5,376 ล้านบาท
นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ หรือ เฮียม้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า กรณีมีกระแสข่าวว่า นายอภิมุข บำรุงวงศ์ หรือ “ปิงปอง” ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ของ MORE หนึ่งในตัวละครสำคัญได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วนั้น ส่วนตัวไม่ทราบประเด็นดังกล่าว แต่เบื้องต้นตนเองก็ไม่สามารถติดต่อนายอภิมุขได้เป็นเวลา 2-3 วันแล้ว ทั้งช่องทางไลน์ (LINE) และยกหูโทรศัพท์หา
ส่วนกรณีราคาหุ้น MORE ที่วานนี้ (24 พ.ย.) เริ่มมีวอลุ่มซื้อเข้ามาหนาแน่นแล้ว ซึ่งยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นคนซื้อหุ้น MORE เนื่องจากไม่สามารถที่จะเข้าไปร่วมรับซื้อหุ้น MORE ได้ เพราะว่าอยู่ระหว่างการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ให้แก่ตนเอง จำนวน 300 ล้านหุ้น ที่ราคาเพิ่มทุนที่ประมาณ 2.20 บาท รวมมูลค่า 660 ล้านบาท แต่ตอนนี้ราคาเพิ่มทุนไม่ถึงแล้วเพราะราคาหุ้นปรับตัวลงมามาก อาจจะได้เงินไม่ถึง 100 ล้านบาทแล้ว
อย่างไรก็ตาม วอลุ่มหุ้น MORE ที่เข้ามานั้น โดยส่วนตัวยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรที่ตนเคยเสนอทางออกกับทางโบรกเกอร์ไว้หรือไม่ว่า หากจะนำหุ้น MORE ที่เป็นหลักประกันออกมาขาย (ฟอร์ซเซล) แทนที่จะขายมาในตลาด ก็มาขายให้กับกลุ่มของตน ซึ่งตนเองก็จะไปชวนพรรคพวกเข้ามารับซื้อหุ้น MORE ในราคาที่ไม่ต่ำเกินไป และเป็นราคาที่โบรกเกอร์ รวมถึงกลุ่มที่มารับซื้อที่เหมาะสมกับมูลค่าของบริษัท และเป็นที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย
นายอมฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันราคาหุ้นต่ำเกินไป ส่งผลให้บริษัทระดมเงินไม่ได้ในจำนวนที่ต้องการใช้การขยายธุรกิจ และส่วนตัวก็จะไม่ใช้สิทธิซื้อหุ้น PP เพราะใช้สิทธิไปบริษัทไม่ได้ประโยชน์ แต่จะใช้วิธีทางการเงินอย่างอื่น เช่น กระแสเงินสดของบริษัท ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ระดับร้อยล้านบาท เพื่อที่จะใช้ในการดำเนินธุรกิจตามแผนที่วางไว้
ทั้งธุรกิจใหม่คือ การจัดคอนเสิร์ต Rolling Loud Thailand ซึ่งส่วนตัวมีประสบการณ์ด้านธุรกิจบันเทิง และบริษัทไม่ได้ทำคนเดียว แต่ พันธมิตรมาร่วมทุน และมีทีมต่างชาติมาร่วมทำด้วยกัน และธุรกิจเดิมคือ ผลิตน้ำประปาเพื่อจำหน่ายให้กับภาคครัวเรือน และกลุ่มอุตสาหกรรม
ด้าน แหล่งข่าวจากสมาคมโบรกเกอร์ กล่าวว่า การหารือมาตรการเกี่ยวกับระบบให้สินเชื่อหรือวางหลักประกันเป็นประเด็นหลักที่ต้องมีรีวิวกันใหม่ ส่วนตัวแล้วมองว่าระบบไม่ได้รั่วไหลหรือละหลวม จากการดำเนินการมา 20-30 ปี สามารถบริหารได้ปกติ 99.9 % แต่กรณีของ MORE เป็นความตั้งใจจะกระทำให้ป้องกันได้ยาก
ส่วนธุรกิจโบรกเกอร์วันนี้ถือว่าความเสียหายได้จบไปแล้วทั้งรายการซื้อ-ขาย และหลักประกันมีการรายงานและโชว์ตัวเลขผ่าน NCR ให้ก.ล.ต.ได้รับทราบ ซึ่งได้มีการทำแบบทดสอบภาวะวิกฤติในรูปแบบต่างๆ (Stress Test) ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน และทุกโบรกเกอร์ก็ผ่านหมด จึงไม่มีปัญหาในการดำเนินธุรกิจ
อย่างไรก็ตามมูลค่าหนี้ที่ไม่ได้รับการชำระเงิน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขหนี้สูญยังอยู่ระหว่างการหารือว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะยังมีเวลาหารือจนถึงช่วงปิดงบไตรมาส 4 ปี2565 เนื่องจากช่วงนี้โบรกเกอร์ที่เกี่ยวข้องยังต้องส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับทางปปง. อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้สำหรับหุ้น MORE ที่อยู่ในหลักประกันเป็นเรื่องของแต่ละโบรกเกอร์ที่จะบริหารความเสี่ยงอย่างไร แต่ไม่มีทางที่จะเจรจากับทางกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ MORE จะมารับซื้อที่ราคาเท่านั้นเท่านี้ เพราะรายการที่เกี่ยวข้องถูกอายัดเอาไว้หมดแล้วทำให้ดำเนินการอะไรไม่ได้จนกว่ามีความคืบหน้าทางกฎหมาย