ดาวโจนส์บวก 152 จุด ได้แรงหนุนจากรายงานเฟดที่ส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์(25พ.ย.)ปรับตัวขึ้น 152 จุด โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 152.97 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 34,347.03 จุด
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวร่วงลง 0.03% ปิดที่ 4,026.12 จุด
ดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวร่วงลง 0.52% ปิดที่ 11,226.36 จุด
อย่างไรก็ดี การซื้อขายเป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยตลาดเปิดทำการเพียงครึ่งวัน หลังจากปิดทำการวานนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
ทั้งนี้ รายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 1-2 พ.ย. ระบุว่า เฟดมองเห็นความคืบหน้าในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ และจะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้า
นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกัน 4 ครั้งก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ตลาดได้ปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในวันนี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนปรับลด RRR ในอัตรา 0.25% สำหรับสถาบันการเงินทุกแห่ง โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งการปรับลด RRR ดังกล่าวจะช่วยให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 5 แสนล้านหยวนในระยะยาว
ขณะที่บริษัท Adobe เปิดเผยว่า ยอดใช้จ่ายของผู้บริโภคผ่านระบบออนไลน์ในวันขอบคุณพระเจ้า (24พ.ย.) พุ่งแตะระดับ 5.29 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ ยอดใช้จ่ายดังกล่าวสูงกว่าปีที่แล้ว 2.9%
Adobe เปิดเผยว่า ยอดใช้จ่ายโดยเฉลี่ยของผู้บริโภคผ่านระบบออนไลน์อยู่ที่ระดับ 2-3 พันล้านดอลลาร์/วัน
นอกจากนี้ Adobe คาดการณ์ว่า ผู้บริโภคจะมียอดใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ 9 พันล้านดอลลาร์ในวันแบล็กฟรายเดย์ ส่วนวันไซเบอร์มันเดย์จะมียอดใช้จ่าย 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้น 5.1% จากปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ตลาดจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐในวันที่ 30 พ.ย. รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันที่ 2 ธ.ค.