"หุ้นค้าปลีกไอที"ป่วน! วิกฤต "ฟ็อกซ์คอนน์" ทำ "ไอโฟน" ขาดตลาด
บรรยากาศช่วงปลายปีเริ่มคึกคัก มีชีวิตชีวาอีกครั้ง เตรียมพร้อมเคาท์ดาวน์ก้าวสู่ปีใหม่ ถือเป็นเทศกาลแห่งความสุข เป็นช่วงของการเฉลิมฉลอง ประชาชนได้ออกไปเที่ยว ใช้จ่ายในช่วงวันหยุดยาว หนุนเม็ดเงินสะพัดส่งท้ายปี
ช่วงนี้จึงกลายเป็นไฮซีซันของธุรกิจค้าปลีกที่สามารถโกยยอดขายได้มากที่สุดของปี โดย “อุปกรณ์ไอที” เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ขายดี แบรนด์ต่างๆ นิยมเปิดตัวสินค้าใหม่ในช่วงไตรมาสสุดท้าย เพื่อจูงใจให้ลูกค้าได้เปลี่ยนมาใช้สินค้ารุ่นใหม่ต้อนรับปีใหม่ที่กำลังมาถึง เช่น “แอ๊ปเปิ้ล” เลือกใช้ช่วงนี้จัดงานอีเวนต์ใหญ่ประจำปี เปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ รวมถึงอุปกรณ์แก็ดเจ็ตอื่นๆ
และที่พิเศษปีนี้รอลุ้น ครม. จัดแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ เพื่อมอบเป็นการขวัญให้กับประชาชน หวังแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ หลังสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 คลี่คลาย
หนึ่งในมาตรการที่หลายคนรอคอย คือ “ช้อปดีมีคืน” ซึ่งสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการชอปปิงมาขอลดหย่อนภาษีได้ โดยมีกระแสข่าวสะพัดว่ากระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. วันที่ 29 พ.ย. เพื่อนำมาตรการนี้กลับมาใช้อีกครั้ง หลังมีข้อเรียกร้องมาจากหลายฝ่าย
ที่สำคัญคาดการณ์ว่าปีนี้จะเพิ่มวงเงินเป็น 40,000 บาท จากปีก่อนไม่เกิน 30,000 บาท เพื่อให้ช้อปกันจุใจยิ่งขึ้น ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาสินค้าส่วนใหญ่ที่ประชาชนมักจะเลือกซื้อเป็นสินค้าที่ราคาค่อนข้างสูงเพื่อให้ได้สิทธิลดหย่อนมากที่สุด เช่น มือถือ, คอมพิวเตอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เสื้อผ้า, สินค้าแบรนด์เนม ฯลฯ
“มือถือ” เป็นหนึ่งในสินค้าที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆ ตั้งแต่มีโครงการช้อปดีมีคืน หรือ ช้อปช่วยชาติ ดังนั้นหากปีนี้มีมาตรการออกมาอีกจะยิ่งช่วยกระตุ้นยอดขายของผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าไอทีเติบโตต่อเนื่อง
โดย บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เครือข่ายร้านค้าสินค้าไอทียักษ์ใหญ่ของประเทศ และตัวแทนจำหน่ายของแอ๊ปเปิ้ล ทางผู้บริหารมั่นใจว่าผลประกอบการไตรมาส 4 นี้จะเดินหน้าทำนิวไฮ และผลักดันให้ยอดขายทั้งปีเติบโตตามเป้า 20% ซึ่งไตรมาสนี้มีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 51 สาขา
ส่วนบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX อีกหนึ่งดิสทริบิวเตอร์รายใหญ่ไม่น้อยหน้า คาดการณ์ว่ายอดขายช่วงโค้งสุดท้ายจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 3 ที่กวาดรายได้ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท และรายได้ปีนี้จะทะลุเป้า 4 หมื่นล้านบาทแน่นอน
บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI อีกหนึ่งตัวแทนของแอ๊ปเปิ้ล ช่วงไตรมาส 4 นี้ จะรับอานิสงส์จากการขายไอโฟนรุ่นใหม่เต็มไตรมาส รวมทั้งมีแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 3-4 สาขา เช่นเดียวกับ
บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW ที่มั่นใจว่าจะทำผลงานได้ดีในไตรมาสสุดท้าย หนุนรายได้ปีนี้โตทะลุเป้า 40% ส่วนอีกกลุ่มทุนใหญ่
บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ธุรกิจร้านจำหน่ายมือถือยังเติบโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่และกำลังซื้อเริ่มฟื้น
แต่ใช่ว่าจะมีแต่ข่าวดี เพราะยังมีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเช่นกัน เนื่องจากสินค้าหลายรุ่นขาดตลาด โดยเฉพาะไอโฟน 14 หลังรัฐบาลจีนสั่งล็อกดาวน์เมืองเจิ้งโจวซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานฟ็อกซ์คอนน์ฐานการผลิตไอโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยโรงงานต้องผลิตแบบปิดมาตั้งแต่กลางเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา พนักงานไม่สามารถออกนอกพื้นที่ได้ และด้วยข้อบังคับที่เข้มงวด อาหารที่ไม่เพียงพอ การดูแลรักษาพยาบาลไม่ทั่วถึง ทำให้สถานการณ์เริ่มปานปลาย มีคนงานหนีออกไปหลายหมื่นคน
ขณะที่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พนักงานหลายร้อยคนออกมาประท้วงพยายามพังรั้วกั้นพื้นที่ล็อกดาวน์จนมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งแน่นอนว่าหากสถานการณ์บานปลาย หรือทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต จะยิ่งสร้างความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อการผลิตไอโฟน
ด้าน บล.ดาโอ ระบุว่า เหตุการณ์ประท้วงที่ โรงงานฟ็อกซ์คอนน์ อาจทำให้กำลังการผลิตไอโฟน 14 ลดลง และทำให้ยอดขายของผู้ประกอบการที่ขายสินค้าไอที เช่น COM7, SYNEX, CPW, IT ช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 ลดลงจากปกติที่ไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซัน หลังไอโฟน 14 มีโอกาสขาดตลาดนานกว่าคาด จากปัจจุบันเว็บไซต์ของแอ๊ปเปิ้ลแจ้งระยะเวลาการขนส่งไอโฟน 14 pro และ 14 pro max อยู่ที่ 4 สัปดาห์ หรือ หลัง วันคริสต์มาส
ทั้งนี้ ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาโรงงานฟ็อกซ์คอนน์ได้รับคนงานใหม่ประมาณ 1 แสนคน เพื่อทดแทนคนงานที่ลาออกไปตั้งแต่ช่วงก่อนล็อกดาวน์โรงงาน รวมทั้งมีการเพิ่มโบนัสเพื่อรักษาคนงานและกำลังการผลิต อย่างไรก็ตาม หลังเริ่มมีการกลับมาประท้วงเนื่องจากการจ่ายเงินล่าช้า สะท้อนถึงโอกาสที่กำลังการผลิตไอโฟน 14 อาจจะสะดุดอีกรอบ จากเดิมคาดกลับมาเป็นปกติในช่วงปลายเดือน พ.ย. กระทบการขนส่งและยอดขายปรับตัวลดลง