จีนยอมถอยส่งสัญญาณ “เปิดเมือง” ดันหุ้นไทยรับแรงบวก
นโยบาย Zero Covid ของจีน ดำเนินมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2563 จากการพบผู้ติดเชื้อที่เมืองอู่ฮั่น และลุกลามไปยังทั่วประเทศเช่นเดียวกับทั่วโลก ที่นานาประเทศต่างเผชิญ ตั้งแต่ปี 2565
จีนกลับยังเป็นประเทศเดียวที่ยังคุมเข้มกิจกรรมในประเทศ และห้ามประชาชนออกนอกประเทศท่ามกลางทั่วโลกผ่อนคลาย และกลับมาใช้ชีวิตประจำวันจนกลายเป็นฉนวนเหตุกระทบเศรษฐกิจจีน และโลกตามไปด้วย เนื่องจากการใช้มาตรการดังกล่าวทำให้ เมืองเศรษฐกิจสำคัญเช่น “เซินเจิ้น ปักกิ่ง รวมทั้งเซี่ยงไฮ้” เป็นเมืองใหญ่ทางเศรษฐกิจ และมั่งคั่งที่สุดของประเทศ และเป็นหนึ่งในมหานครที่ใหญ่ ที่สุดในโลก ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก
ส่วนผลกระทบต่อไทยจากข้อมูล สำนักนโยบาย และยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) จากสินค้าที่ไทยนำเข้าสินค้าจากจีน ส่วนใหญ่เป็นโทรศัพท์ – คอมพิวเตอร์ - อุปกรณ์ไฟฟ้า และส่วนประกอบ เครื่องจักร - เครื่องใช้ไฟฟ้า - พลาสติก – เหล็ก - ผลิตภัณฑ์เหล็ก
หากเปรียบเทียบเมืองต่างๆ ของจีนที่ส่งสินค้ามายังประเทศไทย พบว่า เมืองที่มีสัดส่วนการส่งออกสินค้ามาไทยมากที่สุด ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ 27 % เซินเจิ้น 13 % หนานจิง 8 % ชิงเต่า 7 %และกวางโจว 5 % ล้วนแต่เป็นเมืองที่มีผู้ติดเชื้อโควิด และรัฐบาลจีนได้ประกาศล็อกดาวน์ ห้ามการเข้าออก ทั้ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น กวางโจว
และไม่เพียงแต่ไทยยังรวมไปถึงเศรษฐกิจในฐานที่จีนเป็นคู่ค้าอันดับต้นของโลก สิ่งที่ตามมา และยังเผชิญอยู่การขาดแคลนวัตถุดิบในผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์
มาตรการ zero covid กลายเป็นฉนวนเหตุความไม่พอใจของประชาชนจีนออกมาประท้วงนโยบายดังกล่าวรวมไปถึงยังเรียกร้องให้ “ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง” ลาออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ได้กดดันทางการจีนได้ผ่อนคลายมาตรการที่เข้มงวดเพื่อลดกระแสความไม่พอใจของประชาชนที่ลุกลามไปทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทางการกรุงปักกิ่งประกาศยกเลิกการตั้งสิ่งกีดขวางทางเข้าอพาร์ตเมนต์ซึ่งมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ภายใน โดยระบุว่า จะต้องไม่มีสิ่งใดเป็นอุปสรรคต่อการให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ หรือการออกจากอาคารในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ส่วนเมืองกว่างโจวประกาศงดการปูพรมตรวจเชื้อโควิด-19 ครั้งใหญ่สำหรับประชาชนในวงกว้าง ขณะที่เมืองอุรุมชี เมืองหลวงของซินเจียง ประกาศเปิดตลาดสด และอนุญาตให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดทำการในสัปดาห์นี้ สำหรับท้องที่ซึ่งมีการแพร่ระบาดในระดับต่ำ รวมทั้งให้บริการรถโดยสารสาธารณะ
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน คาดการณ์ประเด็นดังกล่าวทำให้จีนดำเนินการผ่อนคลาย จากการดำเนินการ 3 เรื่องทันทีคือ
1) รัฐบาลจีนประกาศแผนเร่งฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุ เข็ม 3 ไวขึ้น หลังส่วนมากได้รับครบ 2 เข็มแล้ว เพื่อให้การควบคุม Covid มีประสิทธิภาพมากขึ้น
2) จีนเตรียมลดผลกระทบ จากความไม่สะดวกที่เกิดจากการระบาดของโควิดต่อเศรษฐกิจ และประชาชนให้อยู่ในระดับต่ำสุด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องหลีกเลี่ยงการควบคุมโควิดที่มากเกินไป
3) การร้องเรียนของผู้ประท้วงล่าสุด ไม่ได้อยู่ที่ประเด็นการควบคุมโควิด แต่มุ่งเน้นประท้วงมาตรการที่เข้มงวดเกินไป ทั้งการล็อกดาวน์แบบสุ่ม และการละเลยคําขอของประชาชน
คาด SET ได้รับอานิสงส์บวกจากสัญญาณผ่อนคลาย และรับฟังประชาชนมากขึ้นของจีน ล่าสุดเงินบาทแข็งค่า 35.45 บาทต่อดอลลาร์ หลุดแนวรับสำคัญ 35.5 บาทต่อดอลลาร์ สะท้อนคาดหวังบวกการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย จาก China Reopening และการกลับมามีดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก
ประเมิน ดัชนีแกว่งตัวบวกสู่เป้าหมายปลายปี 1,660 - 1,690 จุด แนะนำ BBL, SCB, TLI, CRC, MAKRO, CPALL, BJC, SCGP, GPSC, TRUE, BEC, TIDLOR, AMATA Mid-small : BE8, ICHI, ERW หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก China Reopening ที่น่าสนใจ SCGP, CPALL, BJC, CRC, SPA, AU, AAV, ICHI, SISB, CBG, SC, SIRI
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์