DEMCO ที่รอคอย |ออฟเรคคอร์ด

DEMCO  ที่รอคอย  |ออฟเรคคอร์ด

เรียกว่าเป็นมหากาพย์ “ศึกหุ้น” “วิน เอ็นเนอร์ยี่” ก็ว่าได้ เพราะแง่กฎหมายที่คดีฟ้องร้องกันให้วุ่นวายพาเอาบรรดา “ก๊วนหุ้น” ที่ยอมใส่เงินลงขันซื้อหุ้นดักก่อนเข้าตลาดหุ้นกระวนกระวายใจมาหลายปีดีดัก.....เพราะทำยังไง๊ ยังไง เข้าทำเนียบตลาดหุ้นดูจะไกลออกไป

๐๐๐ DEMCO  ที่รอคอย 

          เรียกว่าเป็นมหากาพย์ “ศึกหุ้น” “วิน เอ็นเนอร์ยี่” ก็ว่าได้ เพราะแง่กฎหมายที่คดีฟ้องร้องกันให้วุ่นวายพาเอาบรรดา  “ก๊วนหุ้น” ที่ยอมใส่เงินลงขันซื้อหุ้นดักก่อนเข้าตลาดหุ้น กระวนกระวายใจมาหลายปีดีดัก.....เพราะทำยังไง๊ ยังไง เข้าทำเนียบตลาดหุ้นดูจะไกลออกไป

         รายแรกที่เข้าไปถือลงทุนยกให้ DEMCO ออกมาเปิดเผยจำนวนหุ้นที่ถือ และราคาหุ้นที่ซื้อ ซึ่งประมาณว่าถ้าตามเป้าประสงค์กำไรมหาศาล - ราคาหุ้นไม่หยุดแค่นี้แน่นอน 

         สังเกตได้ว่าราคาหุ้นตอบรับข่าวขึ้นมาแรง 6 บาท บวกไป 10 %   จากราคา 2 เดือนก่อนแถว 3 บาท  !!  

        เอาเป็นว่าการรอคอยไม่เสียเที่ยวเพราะ รูปแบบการถือหุ้นเพิ่ม - รับปันผล ก็มีหลายวิธี ด้วยการสมประโยชน์ทุกฝ่าย

       เปิดทางให้ NUSA เข้ามาถือหุ้นใหญ่ 23.28 %  ส่วนด้าน NUSA มีรายชื่อกลุ่ม “กิตติอิสรานนท์” ที่เป็นตัวตั้งตัวตีเข้าลงทุนใน “วิน เอ็นเนอร์ยี่” แรกๆ 

        จับตาให้ดีเพราะชื่อ “ ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง”  เข้าถือหุ้น  “วิน เอ็นเนอร์ยี่” 100 %  แลกหุ้น NUSA เป็นที่เรียบร้อย เสมือนเข้าตลาดหุ้น(ทางอ้อม) ได้สักที 

๐๐๐

หุ้นไทยบวกตามตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค หลังจีนเริ่มทยอยผ่อนคลายล็อกดาวน์ในหลายเมือง และหวังว่าจะกลับมาเปิดประเทศในอีกไม่ช้า ขณะที่ปัจจัยในประเทศเป็นไปตามคาด หลัง กนง. ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่แบงก์ชาติประกาศออกมาส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง

โดยดัชนีปิดการซื้อขายที่ 1,635.36 จุด เพิ่มขึ้น 10.97 จุด หรือ 0.68% ระหว่างวันแตะระดับสูงสุดที่ 1,636.08 จุด และระดับต่ำสุดที่ 1,622.24 จุด มูลค่าการซื้อขาย 79,466.01 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติซื้อ 4,345.38 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ ขาย 754.16 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขาย 341.08 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขาย 3,250.14 ล้านบาท

๐๐๐

หุ้น “กลุ่มโรงพยาบาล” ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ หลังในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมากอีกครั้ง โดยเฉพาะใน กทม. ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว หนุนหุ้นโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนรายได้โควิดมากๆ เช่น บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) ปิดที่ 3.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท หรือ 3.93% ส่วนบมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) ระหว่างวันขึ้นไปทำจุดสูงสุด 20.50 บาท ก่อนปิดไม่เปลี่ยนแปลง 20.30 บาท

แถมช่วงนี้มีฝนตกหนัก ทำให้มีโอกาสเกิดโรคระบาดมากขึ้น กลายเป็นอีกหนึ่งจิตวิทยาเชิงบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาล

๐๐๐

ส่วนหุ้นรถไฟฟ้า บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ราคาวิ่งมาปิดที่ 8.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 1.82% หลังจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กลับมากว่า 70% จากช่วงก่อนเกิดโรคระบาด

ส่วนปีหน้าเตรียมเปิดให้บริการ 2 สายใหม่ “สีชมพู - เหลือง” และขึ้นราคาเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี จาก 16 - 44 บาท เป็น 17 - 47 บาท หลังต้นทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

๐๐๐

วานนี้ MSCI ได้มีการปรับน้ำหนักการลงทุนรอบใหม่ โดยมี 2 หุ้นค้าปลีกไทย บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) และ บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) ได้รับเลือกเข้าดัชนี MSCI Minimum Volatility Index หรือ ดัชนีหุ้น MSCI ที่มีความผันผวนต่ำ หนุนเม็ดเงินไหลเข้า

ราคาหุ้นวิ่งรับการปรับน้ำหนัก AWC ปิด 6.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.61% ส่วน CRC ไม่น้อยหน้า ปิด 43 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.18%

๐๐๐

แม้ กนง. เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย แต่บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด หรือ SAM ยังขอยืนหยัดช่วยเหลือลูกค้าด้วยการตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราเดิมไปจนถึงเดือนมิ.ย. 2566 สำหรับลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้ทุกราย 

พร้อมออกมาตรการพิเศษช่วยลูกค้าสินเชื่อบ้านอีกหลายพันราย ด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรนยิ่งขึ้น โดยลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-686-1800 รวมทั้งช่องทางออนไลน์ ทั้ง Facebook : SAM บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด และ Line โดยแอด ID Line @NPLbySAM

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์