ดาวโจนส์ร้อนแรง ทะยาน 345 จุด ก่อนปิดฉากปี 65 พรุ่งนี้
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(29ธ.ค.)พุ่งขึ้น 345 จุด ขานรับการเปิดเผยตัวเลขว่างงานที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ บวก 345.09 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 33,220.80 จุด
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้น 1.75% ปิดที่ 3,849.28 จุด
ดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 2.59% ปิดที่ 10,478.09 จุด
หุ้นกลุ่มสื่อสารและเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาด
อย่างไรก็ดี แม้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้นในวันนี้ แต่ข้อมูลบ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวย่ำแย่ในปีนี้ โดยทำสถิติดิ่งลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายปีนับตั้งแต่ปี 2551 หลังจากที่ดีดตัวขึ้น 3 ปีติดต่อกัน โดยขณะนี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงราว 9% นับตั้งแต่ต้นปี 2565 ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี500 และดัชนีแนสแด็กทรุดตัวลง 20% และ 34% ตามลำดับ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 9,000 ราย สู่ระดับ 225,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 41,000 ราย สู่ระดับ 1.710 ล้านราย
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์และการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะช่วยเพิ่มกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ส่วนการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น และช่วยลดต้นทุนการชำระหนี้ของบริษัทต่างๆ ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถเพิ่มการลงทุน และเพิ่มการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน