ALL ทุบ ‘หุ้นอสังหา’ ดิ่งหนัก โบรกยันชัดรายใหญ่ไร้ผลกระทบ
หุ้นกลุ่มอสังหาฯ ปรับตัวลดลงเกือบยกแผง หลังนักลงทุนเริ่มกังวลต่อภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาจะเผชิญกับวิกฤตอีกครั้งหรือไม่ จากกรณีบมจ. ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ ALL ผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้วงเงินกว่า 10 ล้านบาท กูรูเผยอย่าตื่นตระหนก
จากกรณีบริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL รายงานต่อตลาดทรัพย์ฯ ถึงการผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้วงเงินกว่า 10 ล้านบาท เกิดจากขาดสภาพคล่อง มีเงินสด หมุนเวียนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ตลอดทั้งวันในวันนี้ (5 ม.ค.66) หุ้นกลุ่มอสังหาฯ ปรับตัวลดลงเกือบยกแผง เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกังวลต่อภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ว่าจะเผชิญกับวิกฤตอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้นักวิเคราะห์ฟันธงว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยกับ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ ว่า หลังจากที่มีข่าวเรื่องหุ้น ALL ออกมาถึงการผิดการชำระหนี้ ทำให้เกิดมีความเสี่ยง โดยเฉพาะดอกเบี้ย และงวดที่จะต้องจ่ายประมาณ 10 กว่าล้านบาท เป็นผลกระทบเชิงเซนติเมนท์ทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลถึงภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์
ขณะเดียวกันช่วงที่ผ่านมากลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีการปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมาก เพราะเป็นช่วงที่มีการเก็งเรื่องของงบไตรมาส 4/2565 เนื่องจากในปีนี้จะมีการปรับใช้มาตรการ LTV อีกครั้ง ดังนั้นจึงเห็นการเร่งโอนมาตั้งแต่ไตรมาส 4 ที่ผ่านมา
สำหรับคำแนะนำการลงทุนนั้น อาจต้องระวังหุ้นกู้อสังหาริมทรัพย์ประเภทคล้าย ๆ กับ ALL หรือหุ้นขนาดเล็กเนื่องจาก ผลประกอบการออกมาไม่ดี ขาดสภาพคล่อง มีความเสี่ยงคล้าย ๆ กัน แต่อย่างไรก็ตาม ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปเก็บ โดยเฉพาะหุ้นอสังหาที่จ่ายปันผลดีมาก ๆ อย่าง LH SPALI SC และ ORI เพราะทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในระดับกลาง ถึงระดับบนยังดีอยู่ รวมถึงประเทศจีนเปิดประเทศกลุ่มอสังหาฯก็จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย เพราะจีนมีความนิยมเข้ามาซื้ออสังหาในไทย ทำให้มีวอลุ่มกลับเข้ามา
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่หุ้นอสังหาปรับตัวลงมาพร้อม ๆ กัน เป็นเรื่องของความกังวลจากที่หุ้น ALL มีการผิดนัดชำระหนี้ ของดอกเบี้ยหุ้นกู้ ALL
อย่างไรก็ตาม มองว่า ในกรณีของ ALL เป็นแค่ความเสี่ยงเฉพาะรายบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งอุตสาหกรรม เพราะฉะนั้นนักลงทุนไม่ควรที่จะตื่นตระหนก
ทั้งนี้ส่วนใหญ่ผลกระทบที่ได้รับในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กมากกว่าขนาดใหญ่ ที่มีกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อไม่ได้สูงมาก ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาค่อนข้างจะมาก รวมถึงจากความไม่แน่นอนของการที่ลูกค้ายื่นกู้ไม่ผ่านด้วย หรือโครงการอาจจะมีการเลื่อน ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่มาก ๆ แทบจะไม่ได้รับผลกระทบเลย หรือกระทบน้อยมาก เพราะค่อนข้างมีโครงการในมือค่อนข้างมาก
“ผู้ประกอบรายใหญ่ค่อนข้างมีกระแสเงินสด ขณะที่ผู้ประกอบรายเล็ก เจอสถานการณ์ที่ลากยาวแล้วก็โครงการขึ้นไม่ได้ หรือปัญหาอื่น ๆ จะเห็นเลยว่า กระแสเงินสดจะสะดุดทันที อย่างกรณีของ ALL เอง ช่วงตอนปี 2562 และปี 2563 กระแสเงินสดที่เข้ามาอยู่ที่ประมาณ 500 - 700 ล้านบาทต่อปี แต่พอมาถึงปี 2564 และปี 2565 เริ่มเหลือน้อยมาก หรือค่อนข้างไปในทางติดลบ ทำให้เกิดขาดแคลนสภาพคล่อง จึงทำให้ไม่พอกับการที่จะไปจ่ายดอกเบี้ย จึงมองว่า เป็นปัญหารุนแรงพอสมควร จะเห็นว่าหุ้นกู้ที่ออกมาล่าสุดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว หลังจากนั้น 8 - 9 เดือนที่จะแก้ปัญหาสภาพคล่อง แต่หาไม่ได้ จนกระทั้งต้องมาผิดนัดชำระดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา แสดงว่าสถานการณ์บริษัทขาดสภาพคล่องจริง ๆ”
อย่างไรก็ตาม หากดูในเรื่องของความเสี่ยงจะพบเฉพาะในหุ้นขนาดเล็กบางตัวเท่านั้น แต่ว่าหุ้นอสัหาขนาดใหญ่แทบจะไม่ได้รับผลกระทบ หากย้อนไปดูช่วงหลังวิกฤติในแต่ละครั้ง บริษัทขนาดเล็กจะถูกยุบตัวลงไปพร้อม ๆ กัน แต่หลังจากนั้นเมื่อผ่านพ้นวิกฤติกลับมาดีขึ้นพบว่า ผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น เพราะสายป่านที่ยาวกว่า และมีความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคมากกว่า
และในปีนี้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ยังไปในทิศทางที่ดี เพราะปีนี้ที่นักลงทุนหรือประชาชนจะให้ความสนใจกับความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งไม่ได้ต้องการหุ้นที่โตเยอะ แต่ต้องการหุ้นที่โตเรื่อย ๆ มีอิสรภาพในการเติบโต มีกระแสเงินสด และมีปันผลที่ดี ฉะนั้นหุ้นที่มองมีอนาคต และปันผลดีน่าจะเป็นหุ้น AP และ ORI และการปรับตัวลงในช่วงนี้ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปเก็บสะสม