“หุ้นไทย” ปิดตลาดเย็นนี้ บวกแรง 17.26 จุด ที่ 1,691.12 จุด

ความเคลื่อนไหวดัชนี “หุ้นไทย” วันนี้ (9 ม.ค.66) ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างคงที่ตลอดทั้งวัน ซึ่งดัชนีทำจุดสูงสุดของวันที่ 1,693.42 จุด ต่ำสุดอยู่ที่ 1,684.90 ก่อนมาปิดตลาดที่ 1,691.12 จุด เพิ่มขึ้น 17.26 จุด หรือ 1.03% มูลค่าซื้อขาย 78,508.44 ล้านบาท

 

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่

1. DELTA มูลค่า 3,825.27 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 842 บาท เพิ่มขึ้น 34 บาท หรือ 4.21%

2. CPALL มูลค่า 3,628.81 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 73 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือ 3.91%

3. MTC มูลค่า 2,248.65 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 41 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท หรือ 10.81%

4. BANPU มูลค่า 1,877.52 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 12.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 1.63%

5. KBANK มูลค่า 1,838.56 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 154.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 0.98%

 

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนของประเทศไทย ในวันนี้เป็นบวก จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการชะลอตัวในภาคการผลิต และตัวเลขฝั่งกำลังซื้อ เช่น ค่าจ้าง และการจ้างงานนอกภาคเกษตรดีขึ้น ประกอบกับตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้ามาในประเทศเร็วกว่าที่ตลาดคาด จากไตรมาสที่ 3 หรือที่ 4 เป็นไตรมาสที่ 1 ของปีนี้

ทั้งนี้ ตลาดมักมองไกลไปอีกหนึ่งขั้น คือ มองธุรกิจกลุ่ม เปิดเมืองที่จะได้อานิสงส์ เช่น กลุ่มไฟแนนซ์ มองไปถึงตัวเลขการจ้างงานที่อาจดีขึ้น หรือผู้ที่มีหนี้เสียอาจมีหนทางชำระหนี้มากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าพรุ่งนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะยังบวกต่อเนื่องจากปัจจัยเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ย่อตัวลง และปัจจัยจากการประกาศผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์สัปดาห์หน้าที่อาจไม่ได้ดีมาก แต่อยู่ในความคาดการณ์ของตลาด ด้านแนวรับพรุ่งนี้ (10 ม.ค. 66) อยู่ที่ 1,680 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,700 - 1,710 จุด

สำหรับคำแนะนำในการลงทุนระยะสั้น ควรพิจารณาธุรกิจกลุ่มที่ได้ผลกระทบในเชิงบวกจากการเปิดเมืองอื่นๆ ที่ยังโตน้อยอยู่ เช่น MINT, VERANDA, และ MAJOR รวมทั้งกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์ทั้งจาก ต้นทุนพลังงานที่ลดลง และการแข็งค่าของเงินบาท เช่น กลุ่มปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์ และ​โรงไฟฟ้า

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์