"มาสเตอร์ สไตล์" จ่อขาย IPO 65 ล้านหุ้น-เข้าเทรด mai ปลายเดือน ม.ค.66
บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ เปิดฉากโรดโชว์ในกรุงเทพฯ เตรียมส่ง IPO ไม่เกิน 65 ล้านหุ้น ลุยทางสู่โรงพยาบาลศัลยกรรมแห่งแรกในไทยที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ สิ้นเดือนม.ค. 66
นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER โรงพยาบาลด้านศัลยกรรมเสริมความงาม ภายใต้ชื่อโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช “Masterpiece Hospital” เปิดเผยว่า MASTER ประสบความสำเร็จในการจัดเดินสายนำเสนอข้อมูล (RoadShow) ให้แก่นักลงทุนในหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ได้แก่ ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2566, ใน จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2566, ใน จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2566 และปิดท้ายใน กทม.เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเข้ารับฟังข้อมูลอย่างคึกคัก
โดยการจัดโรดโชว์ที่ผ่านมามีกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุน มีการสอบถามข้อมูลรายละเอียดการดำเนินธุรกิจในหลากหลายด้าน ทั้งรูปแบบการดำเนินธุรกิจ, การขยายธุรกิจ, แนวโน้มการเติบโตในอนาคต และฐานะทางการเงิน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจในตัวธุรกิจของ MASTER ได้เป็นอย่างดี
สำหรับการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้มีจำนวนไม่เกิน 65 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นร้อยละ 27.08 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หรือ mai ในหมวดธุรกิจบริการ ภายในต้นปี 2566
ด้านนายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER เปิดเผยว่า การตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุนในการโรดโชว์ของ MASTER ที่ผ่านมา สะท้อนถึงความสนใจในธุรกิจโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน และสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ MASTER มากยิ่งขึ้น ซึ่งนับจาก 9 ปีที่ผ่านมา MASTER ได้มุ่งมั่นให้ความสำคัญในการวางรากฐานและพัฒนาระบบต่างๆ สอดคล้องกับตัวเลขผลการดำเนินงานที่มีทิศทางการเติบโตที่สม่ำเสมอ
นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER กล่าวว่า MASTER มีการตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุน แสดงให้เห็นว่านักลงทุนให้ความสนใจและเชื่อมั่นในพื้นฐานของธุรกิจ มองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคต จึงมั่นใจว่าได้จะมีกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าจองซื้อหุ้น IPO อย่างคึกคัก
นายพิสุจน์ น้ำสา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงินบัญชี บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) (MASTER) กล่าวเสริมว่า ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2564) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง โดยบริษัทฯในปี 2562 – 2564 และงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 414.03 ล้านบาท 611.06 ล้านบาท 659.51 ล้านบาท และ 1,011.14 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 47.59 ร้อยละ 7.93 และร้อยละ 133.99 ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 61.25 ล้านบาท 128.55 ล้านบาท 162.80 ล้านบาท และ 222.22 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 14.66 ร้อยละ 20.89 ร้อยละ 23.59 และร้อยละ 21.86 ตามลำดับ โดยอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสาเหตุหลักมาจากการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น ตามที่กล่าวไปข้างต้น
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม หรือ Joint Lead Underwriters กล่าวเสริมว่า งานโรดโชว์ในครั้งนี้ทำให้นักลงทุนได้เข้าใจลักษณะการดำเนินธุรกิจและทำความรู้จัก MASTER มากขึ้น รวมถึงศักยภาพในการเติบโต และความสามารถในการแข่งขัน ที่มีเป้าหมายการพัฒนาที่มุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมเสริมความงาม ภายใต้ชื่อโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช หรือ Masterpiece Hospital ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนก่อนทำการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้
นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ในฐานะเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม หรือ Joint Lead Underwriters กล่าวทิ้งท้ายว่า การเข้าตลาด mai ของ MASTER จะยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเป็นอย่างดี เพราะการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจ ด้วยวิสัยทัศน์มุ่งมั่นจะเป็นโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามแบบครบวงจรอันดับหนึ่งของประเทศไทย โดยมีบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ การให้บริการที่มีคุณภาพ ผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมาย และตระหนักในความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึง จุดเด่นในด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง และมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง ทำให้มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตในอนาคต