เทียบฟอร์ม "หุ้นปั๊มน้ำมัน" ในตลาดหุ้นไทย
นับเป็นข่าวใหญ่ตั้งแต่ต้นปี หลัง “บางจาก” ประกาศทุ่มเงินรวม 55,500 ล้านบาท เข้าเทคโอเวอร์กิจการ “เอสโซ่” ประเทศไทย จากบริษัทแม่กลุ่ม “เอ็กซอนโมบิล” ที่ตัดสินใจโบกมือบ๊ายบาย…. ถอนทัพลงทุนจากเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งการรวมกันระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่ในครั้งนี้ ย่อมสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมพลังงานไทยเต็มๆ การแข่งขันน่าจะดุเดือด ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น! หลังเจ้าตลาดเริ่มถูกคู่แข่งไล่หลังมาติดๆ
โดยธุรกิจสถานีบริการน้ำมันของไทย ปัจจุบันมีกลุ่มปตท. เป็นเจ้าตลาดมาอย่างยาวนาน บริหารงานโดย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ด้วยมาร์เก็ตแชร์สูงถึง 43% ทิ้งห่างคู่แข่งหลายช่วงตัว ด้วยจำนวนสาขามากที่สุดถึง 2,111 สาขา และยอดขายรวม 19,867 ล้านลิตร ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2565
นอกจากสาขาที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นปั๊มปตท. คือ พื้นที่ค้าปลีก มีร้านค้าต่างๆ ให้เลือกชิม เลือกช้อปมากมาย ถือเป็น “One Stop Service” ครบจบในที่เดียว อย่างแบรนด์ที่รู้จักกันดี เช่น Cafe Amazon เชนร้านกาแฟดัง ซึ่งมีสาขารวม 3,765 สาขา โดยอยู่ในปั๊มน้ำมัน 2,107 สาขา และนอกปั๊มน้ำมันอีก 1,658 สาขา และต่างประเทศอีก 21 สาขา
ไก่ทอด “เท็กซัส ชิคเก้น” 100 สาขา ชาไข่มุก “เพิร์ลลี่ที” และร้านกาแฟ “Pacamara Coffee Roasters” รวม 137 สาขา นอกจากนี้ ยังมีร้านสะดวกซื้อ “7-Eleven” และ “จิฟฟี่” รวมอีก 2,095 สาขา
สำหรับ ผลประกอบการ OR งวด 9 เดือนแรก ปี 2565 มีรายได้รวม 586,113.25 ล้านบาท กำไรสุทธิ 11,113.91 ล้านบาท โดยปัจจุบัน หุ้นOR โลดแล่นอยู่ในกระดาน SET50 ด้วยมาร์เก็ตแคป ณ วันที่ 12 ม.ค. 2566 รวม 285,600 ล้านบาท
ส่วน “บางจาก” ปัจจุบันถือเป็นเบอร์ 2 หากพิจารณาจากยอดขายและมาร์เก็ตแคป โดยมียอดขายรวม 6,044 ล้านลิตร คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดราวๆ 16.2% และมาร์เก็ตแคปรวม 47,503.85 ล้านบาท อยู่ในกลุ่ม SET100
โดยตอนนี้บางจากมีจำนวนสถานีบริการทั้งหมด 1,320 สาขา ซึ่งเมื่อรวมกับปั๊มเอสโซ่ที่เพิ่งซื้อมา จำนวนสาขาจะเพิ่มเป็นมากกว่า 2,100 สาขา แซงหน้า “ปั๊มพีที” และไล่ตาม ปตท. มาติดๆ
นอกจากนี้ บางจากยังจะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือระหว่างเอสโซ่และซัสโก้ หลังทั้ง 2 บริษัทตกลงที่จะทำการตลาดร่วมกัน ขณะที่กำลังการกลั่นจะได้จากเอสโซ่เข้ามาอีก 174,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มเป็น 294,000 บาร์เรล/วัน ส่วนธุรกิจนอนออยล์ที่เปิดอยู่ในปั๊มน้ำมัน ปัจจุบันมีร้านกาแฟ “Inthanin” 931 สาขา และชานมไข่มุก “Dakasi” อีก 51 สาขา
บางจากเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ทำธุรกิจครบวงจร มีตั้งแต่โรงกลั่น ปั๊มน้ำมัม ค้าปลีก โรงไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ฯลฯ โดยผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 228,895.07 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 12,102.60 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตามแผนบางจากจะเข้าซื้อ “หุ้นเอสโซ่” ก่อน 65.99% หลังจากนั้นจะตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมด คาดว่ากระบวนการเข้าซื้อกิจการจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งหลังปี 2566 และเมื่อรวมเอสโซ่เข้ามามาร์เก็ตแคปของหุ้นบางจาก บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP จะเพิ่มเป็นเกือบ 80,000 ล้านบาท
ด้าน “ปั๊มพีที” ของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เป็นอีกบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยกลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” จากปั๊มน้ำมันในต่างจังหวัด ค่อยๆ ขยายเข้ามาในเมือง เน้นการเข้าซื้อปั๊มเก่าๆ แล้วนำมารีโนเวทใหม่ ทำให้ขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีสาขารวม 1,987 สาขา มากที่สุดเป็นอันดับ 2 และยอดขายน้ำมัน 3,909 ล้านลิตร
ส่วน “คาลเท็กซ์” กำลังจะเข้ามาอยู่ในตลาดหุ้นเช่นกัน หลังบอร์ด บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เพิ่งไฟเขียวเข้าซื้อปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ รวม 427 แห่ง จากกลุ่มเชฟรอน