ดาวโจนส์พุ่ง 254 จุด ขณะนลท.คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยแค่ 0.25%
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์(23ม.ค.)พุ่งขึ้น 254 จุด โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 254.07 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 33,629.56 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 47.20 จุด หรือ 1.19% ปิดที่ 4,019.81 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 223.98 จุด หรือ 2.01% ปิดที่ 11,364.41 จุด
นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมรอบนี้ ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงินนัดแรกของเฟดในปีนี้ หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐต่างบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนัก 76.7%
เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มเข้าสู่ช่วงงดการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.
กฎระเบียบของเฟดห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นต่อสาธารณะ หรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยดัชนีดังกล่าวเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ และสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค ขณะที่ครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)