ดาวโจนส์ร่วง 34 จุด กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยนานกว่าคาด หลังจ้างงานแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์(6ก.พ.)ปรับตัวร่วงลง 34 ท่ามกลางความกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานกว่าที่คาดไว้ และสูงกว่าระดับ 5% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 34.99 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 33,891.02 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 25.40 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 4,111.08 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 119.50 จุด หรือ 1.00% ปิดที่ 11,887.45 จุด
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 2 ครั้ง ในการประชุมเดือนมี.ค. และเดือนพ.ค. สู่ระดับสูงสุดที่ 5.00-5.25% ก่อนที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีกเพียง 1 ครั้งในการประชุมเดือนมี.ค. สู่ระดับ 4.75%-5.00% ก่อนที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงสุดดังกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 517,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 187,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6%
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากคำสั่งขายทำกำไร โดยดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 2.8% ในเดือนม.ค. ส่วนดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 6.2% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 10.7%
นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน (Economic Club of Washington) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง บริษัทดิสนีย์ ดูปองท์ เป๊ปซี่โค และไทสัน ฟู้ดส์ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ ได้แก่ ดุลการค้า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน