หุ้น CRC ราคาแกร่งสวนตลาด สวนกระแสลุ้นงบเติบโต
ช่วงกลาง ม.ค. จนถึงปัจจุบันตลาดหุ้นไทยเจอกับคำว่า "แกว่งตัวขึ้น และแกว่งตัวลง" แทบไม่ขยับไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากแรงขายของสถาบันสู้กับแรงซื้อต่างชาติ
จนล่าสุดกลายมาเป็นต่างชาติขายปรับพอร์ตแต่รายย่อยเข้ารับซื้อหุ้นแทน ทำให้หุ้นใหญ่ถูกเทขายพักฐานนานแต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีผลน้อยมากกับหุ้น “เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น” หรือ CRC ด้วยราคาหุ้นเปิดทำการปี 2566 สามารถทำออลไทม์ ไฮ ได้ที่ 48 บาท จากนั้นราคาแกว่งตัว 44.5-46 บาท จนล่าสุดราคาหุ้นมาปิดที่ 45.00 บาท ลดลง 0.75 บาท เปลี่ยนแปลง 1.64 % ซึ่งราคาหุ้นพึ่งปรากฏการขยับในทิศทางขาขึ้นชัดเจนในช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมานี้เอง
ก่อนหน้านี้ CRC เป็นหุ้นที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการจาก ROBINS หรือ “โรบินสัน” ปี 2563 ของกลุ่ม “เซ็นทรัล” และทำการสวอปหุ้นเป็น CRC ด้วยมูลค่าระดมทุน IPO 1,691 ล้านหุ้น เคาะช่วงราคา 40.00-48.00 บาท มูลค่าระดมทุน 67,640-81,168 ล้านบาท และสุดท้ายมาจบลงที่ราคา 42.00 บาท
ท่ามกลางปี 2562 การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกเรียกได้ว่าดุเดือด และเข้มข้นมาก จากการแข่งขันประมูลขายสินทรัพย์ในไทย และมาเลเซียไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ‘เทสโก้ โลตัส ‘ เฉพาะไทยมูลค่าประมูลสูงถึง 2.7 แสนล้านบาท จนกลุ่ม “ซีพี” ได้ไป ยังไม่นับรวมกับกลุ่ม “ทีซีซี” คว้าบิ๊กซีในไทยไปได้อีกราย ส่วน “เซ็นทรัล” คว้า บิ๊กซี เวียดนาม
ดังนั้น เจ้าพ่อค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า กลุ่มเซ็นทรัลจึงอยู่เฉยไม่ได้ เห็นการเข้าซื้อรวมกิจการ “โรบินสัน” อันดับแรก และยังสามารถนำธุรกิจใน CRC ที่มีเม็กแนสเข้าตลาดหุ้นไปด้วย ทั้งนำเข้าสินค้าแฟชั่นและความงาม ภายใต้ CMG – ห้างเซ็นทรัล – ซูเปอร์สปอร์ต – เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ - แฟมิลี่ มาร์ท รวมไปถึงต่างประเทศ เช่น ห้างรีนาเซนเต หรือ บิ๊กซี เวียดนาม
ล่าสุดยังรวม MEB แพลตฟอร์มหนังสือออนไลน์เข้าตลาดหุ้นไป และการ นำ go! WOW ร้านค้าเบ็ดเตล็ดเปิดตัวในไทย ตามด้วย go! Power ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าไอที หลังซื้อกิจการที่เวียดนาม
สถานการณ์ยังกลุ่มค้าปลีกพึ่งจะสตาร์ตก็ต้องสตั้นไปถึง 3 ปี จากวิกฤติโควิดที่กระทบตรงไปยังธุรกิจค้าปลีกเต็ม เพราะ 2 ปีแรกต้องเปิดๆ ปิดๆ ให้บริการ หรือถึงเปิดบริการก็ไม่มีผู้บริโภคอยากไปใช้เพราะกังวลการแพร่ระบาด
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ รายได้ลดฮวบ ขาดทุนมโหราฬจากหลักหมื่นล้านบาท เหลือสิบล้านบาท ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่าราคาไอพีโอของ CRC คือ ที่ระดับ 30 บาท จนสัญญาณเปิดประเทศไม่กักตัวไม่โซนนิ่งของไทยทยอยต่อเนื่อง การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการช้อปดีมีคืนที่ได้ผล และการกลับมาของนักท่องเที่ยวทำให้หุ้นถูกปลดล็อกปริยาย
การปรับตัวขึ้นได้ต่อยังต้องประเมินการเติบโตจากนี้ไปของ CRC ไปในทิศทางไหนเพราะต้องยอมรับว่าเป้าหมายใหญ่ 5 ปีข้างหน้า ตั้งเป้ารายได้โต 2.5 เท่าพร้อมการเติบโตของ EBITDA ที่ 3.5 เท่า ผ่านงบลงทุน 1.5 แสนล้านบาท เรียกได้ว่า "วิ่งพุ่งชนอย่างเดียว"
จากการคาดการณ์ ผลประกอบการงวดไตรมาสปี 2565 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดมีรายได้ราว 6.1 หมื่นล้านบาท (+12.8 % YoY, +13.0% QoQ) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 28.1% (YoY ที่ 26.9% และ QoQ ที่ 27.6% ) ค่าใช้จ่ายขาย และบริหารอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท (+12.4%YoY, +7.9%QoQ)
ส่วนภาพรวมของผลประกอบการปี 2565 มีกำไรปกติราว 6.3 พันล้านบาท จะใกล้เคียงกับประมาณการทั้งปีที่ 6 พันล้านบาท เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรปกติ 189 ล้านบาท
ปี 2566 CRC ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 12%-15% มีรายได้ค่าเช่า และบริการที่ 18%-20% ด้วยงบลงทุน 2.5-2.8 หมื่นล้านบาท แบ่งจาก ธุรกิจอาหาร (39% ของยอดขายรวม) ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขาย10%-12% หนุนจาก 1) คาดการณ์ SSSG ของธุรกิจอาหารในเวียดนามที่แข็งแกร่ง เพราะมี GDP แข็งแกร่งจากการลงทุนทางตรงของต่างชาติ (FDI) ที่สูง 2) อานิสงส์จากการรีแบรนด์ Tops ในไทย
-ธุรกิจฮาร์ดไลน์ (34% ของยอดขายรวม) เป้าการเติบโตยอดขาย13%-15% หนุนจากการขยายไทวัสดุ 10 สาขา (14% YoY) และ ธุรกิจแฟชั่น (26% ของยอดขายรวม) เป้าการเติบโตยอดขาย 14%-16% หนุนจากคาดการณ์ว่าการบริโภคในประเทศจะฟื้นตัวจากนักท่องเที่ยวขาเข้า และมาตรการกระตุ้นก่อนเลือกตั้ง
เฉพาะปัจจัยด้านการท่องเที่ยวปี 2566-2567 ถือว่าเป็นปัจจัยบวกให้กับค้าปลีกที่จะเห็นนักท่องเที่ยวทยอยเข้ามาไทยอย่างต่อเนื่อง และจุดแข็งที่มองข้ามไม่ได้เลยสำหรับ CRC ที่เตรียมพร้อมกับยุคออนไลน์ ด้วยการสร้างยอดขายได้ 20% ของยอดขายรวมในปี 2564
ยอมรับว่าธุรกิจในมือ CRC จัดว่าครบและเต็ม พร้อมที่จะเติบโตด้วย "เงื่อนไข" เศรษฐกิจยังฟื้นตัว และภาคการท่องเที่ยวของไทยเร่งตัวต่อเนื่อง!!
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์