FETCO มั่นใจแผน'บีโอไอ' ดูดเงินทุนไหลเข้า 'หุ้นไทย-เอฟดีไอ' ระยะยาว
"เฟทโก้" มั่นใจยุทธศาสตร์บีโอไอสู่เศรษฐกิจใหม่ พลิกโฉมประเทศดูดเงินลงทุนรอบใหม่เข้าตลาดหุ้น-เอฟดีไอ ระยะยาว "กอบศักดิ์" ชี้ประเทศไทยเริ่มกลับมามีเสน่ห์อีกครั้ง จากปีก่อนหุ้นไทยเป็นหลุมหลบภัยช่วยโลกฝ่ามรสุม "เลขาบีโอไอ" มั่นใจเม็ดเงินลงทุนโดยตรงไม่ต่ำกว่าเดิม
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FECTO) หรือ "เฟทโก้" จัดโครงการตลาดทุนไทย พบภาครัฐ ครั้งที่ 1/2566 โดยครั้งนี้ได้เชิญผู้บริหาร สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) พบนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบัน บนเวทีเสวนา “ยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุน พลิกโฉมประเทศไทยสู่เศรษฐกิจใหม่”
ทั้งนี้ บีโอไอ ฉายภาพเป้าหมายของ “ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570)” ส่งเสริมการลงทุน เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไปสู่ “เศรษฐกิจใหม่” โดยบีไอไอจะใช้เครื่องมือสำคัญ 3 ด้าน เพื่อขับเคลื่อน 7 หมุดหมายให้บรรลุผลสำเร็จ คือ สิทธิประโยชน์ทั้งภาษีและไม่ใช่ภาษี การบริการแบบครบวงจรทั้งก่อนและหลังการลงทุน การสร้างระบบนิเวศและปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุน
"กอบศักดิ์" ชี้ประเทศไทยเริ่มกลับมามีเสน่ห์อีกครั้ง
“กอบศักดิ์ ภูตระกูล” ประธานกรรมการ เฟทโก้ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาต่างชาติมองตลาดหุ้นไทยเป็นหลุมหลบภัย เป็นเสน่ห์ของเรา แต่คุณค่าของหลุมหลบภัย จะอยู่ในช่วงที่มีภัยพิบัติ หรือมรสุมใหญ่ วุ่นวาย ผันผวน ปั่นป่วน ซึ่งปีก่อนไทยเป็นเช่นนั้น ทำให้ปีก่อนมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาค่อนข้างมากในตลาดหุ้นไทย
ขณะที่ช่วงต้นปีมานี้ ตลาดหุ้นในประเทศต่างๆ เริ่มปรับตัวดีขึ้น ทั้งสหรัฐ จีน และอื่นๆ สะท้อนว่า มรสุมต่างๆ ค่อยๆ เริ่มผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้ความจำเป็นของหลุมหลบภัยค่อยๆ ลดน้อยลง เงินลงทุนต่างชาติต้องออกไปหาโอกาสในตลาดอื่นๆ ที่กำลังเกิดขึ้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตอนนี้ ต่างชาติจึงทยอยเอาเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้นไทย
แต่หลังจากนี้ มองว่า ภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี ของบีโอไอ หากสำเร็จจะเป็นการพลิกโฉมประเทศไทย นำไปสู่การลงทุนรอบใหม่ได้ ก็จะเป็นจุดเปลี่ยนและดึงดูดการลงทุนเม็ดเงินใหม่เข้ามาทั้งในตลาดหุ้นไทย และ เงินลงทุนโดยตรง (FDI) ในระยะยาว
“ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุน 5 ปีข้างหน้า ตอนนี้รู้สึกว่าประเทศไทยกลับมาเป็นสาวอายุ 25แล้ว ลดจาก 38 และกำลังจะเข้าคอร์ดกลับมาเป็นสาว18 ที่สง่างามมีเสน่ห์อีกครั้ง ในอีก5ปีข้างหน้า”
"เลขาบีโอไอ" มั่นใจเม็ดเงินลงทุนโดยตรงไม่ต่ำกว่าเดิม
“นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ ” เลขาธิการ BOI กล่าวว่า ในปีนี้ภายใต้ความเสี่ยงเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย โลกมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและท้าทายมากขึ้น รวมถึงคู่แข่งก็แข็งแกร่งมากขึ้น แต่เชื่อมั่นว่า ประเทศไทยยังมีจุดแข็งในการดึงดูดการลงทุน ภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน เพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่ระยะ 5 ปีข้างหน้า
ทั้งยกระดับ 8 อุตสาหกรรมเดิม (เกษตร อาหาร ท่องเที่ยว ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี/เคมีภัณฑ์ พลังงาน สิ่งทอและแฟชั่น ) สร้างฐาน 6 อุตสาหกรรมใหม่ (สุขภาพและการแพทย์ ดิจิทัล ระบบอัตโนมัติ/หุ่นยนต์ อากาศยานและอวกาศ ป้องกันประเทศ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์)
อีกทั้ง จุดเน้นในระยะ 1 ปีข้างหน้าที่สำคัญ มุ่งผลักดัน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ( BCG ,EV,Smart Electronics ,Digital, Creative) ที่จะเป็น Game change สำหรับประเทศไทย , ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางสำนักงานภูมิภาค และแหล่งดึงดูด Talentของภูมิภาค ,สร้างความพร้อมของปัจจัยสนับสนุน โดยเฉพาะเรื่องบุคลากรและ Ease of Investment, เร่งยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่ Smart&Sustainable Industry, สร้างความเข้มแข็งและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่เอสเอ็มอีและสตาร์ตอัป และส่งเสริมให้บริษัทขนาดใหญ่โดยเฉพาะบจ.ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีบทบาทใน 3 ด้าน คือพัฒนาคน พัฒนาเอสเอ็มอีและพัฒนาชุมชน ทางบีโอไอ มีสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนดังกล่าว
นอกจากนี้ไม่ว่าการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไร จะไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม เพราะนโยบายการลงทุนที่ดีจะถูกสานต่อและทำให้ดีขึ้นแน่นอน
เราเชื่อมั่นว่า ยอดการส่งเสริมการลงทุนในปี 2566 จะยังรักษาระดับการส่งเสริมการลงทุนไม่ต่ำกว่าเดิมได้ และยังเพิ่มเติมในเชิงคุณภาพอีกด้วย
โดยในปี 2565 เพิ่มขึ้นในทุกขั้นตอนจากปี 2564 ทั้งการขอรับการส่งเสริม จำนวน 2,119 โครงการ เพิ่มขึ้น 41% เป็นมูลค่า 664,635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% ถือว่าสูงกว่าช่วงก่อนโควิด ,การอนุมัติ จำนวน 1,554 โครงการ ลดลง 1% แต่มีมูลค่า 618,615 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% และการออกบัตรส่งเสริม จำนวน 1,490 โครงการ เพิ่มขึ้น 9% เป็นมูลค่า 489,088 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%