แสบ! ‘ชาร์ลี มังเกอร์’ เทใจให้ BYD พร้อมย้ำความสำเร็จ Tesla เกิดจากปาฎิหาริย์
ชาร์ลี มังเกอร์ คู่หู วอร์เรน บัฟเฟต์ บอกชัดไม่ขอซื้อหุ้น Tesla เพราะหุ้น BYD รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนมีโอกาสโตมากกว่า พร้อมชี้ส่วนหนึ่งที่ Tesla ประสบความสำเร็จเกิดจาก ‘ปาฏิหาริย์’
ชาร์ลี มังเกอร์ รองประธานบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ บริษัทโฮลดิงส์ สัญชาติอเมริกัน ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ กล่าววานนี้ (15 ก.พ.) ว่าบริษัทเทสล่า มอเตอร์ หรือ Tesla ของอีลอน มัสก์ เทียบกับบริษัทบีวายดี คอมพานีของจีน หรือ BYD ไม่ติด และ BYD คือบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มังเกอร์ชื่นชอบที่สุด
“ผมไม่เคยสร้างประโยชน์อะไรให้บริษัทฯ ได้เท่ากับที่เสนอให้ซื้อหุ้น BYD เลย และครั้งนั้นก็เป็นครั้งเดียวที่ผมทำผลงานได้ดีที่สุด และถ้ามองกันจริงๆ ตอนนี้ค่าใช้จ่ายหลักสำหรับการลงทุนครั้งแรก (Initial Investment) ของเบิร์กเชียร์มีมูลค่ากว่า 8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.64 แสนล้านบาท) หรือไม่ก็ 9 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.97 แสนล้านบาท) ซึ่งผมมองว่าเป็นอัตราเปอร์เซ็นต์ของผลตอบแทน (Rate of Return) ที่ดีมากทีเดียว”
ทั้งนี้ BYB เป็นเดิมพันที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลให้เบิร์กเชียร์ โดยบริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นดังกล่าวครั้งแรกในเดือนก.ย. ปี 2551 ประมาณ 220 ล้านหุ้น ถัดมาหุ้นดังกล่าวพุ่งสูงขึ้น 600% ในช่วง 10 ปีให้หลัง ส่วนหนึ่งเพราะกระแสเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เริ่มได้รับความนิยม ทว่าเมื่อปีที่แล้วบริษัทฯ เริ่มลดสัดส่วนหุ้นดังกล่าวลงเนื่องจากราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
“หากพิจารณาราคาหุ้น BYD ในปัจจุบัน หุ้นเล็กๆ ตัวนี้ จริงๆ แล้วมีมูลค่ามากกว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งบริษัทด้วยซ้ำ ดูสิมันไม่ใช่หุ้นถูกๆ เลย BYD เป็นบริษัทที่เจ๋งมาก”
อนึ่ง มังเกอร์ กล่าวของคุณ หลี่ ลู่ ผู้ก่อตั้ง Himalaya Capital บริษัทจัดการสินทรัพย์ในซีแอตเทิล สหรัฐ ที่แนะนำให้เขารู้จักหุ้นตัวดังกล่าว รวมทั้งกล่าวถึง หวัง ฉวนฟู ประธานบริหารสูงสุดของ BYD ว่าเป็นคนที่ฉลาดและทำงานหนักมาก
เมื่อถามว่าระหว่างหุ้น Tesla กับ BYD ชาร์ลี มังเกอร์ จะเลือกหุ้นใด เขาเล่าว่าตอบได้ง่ายมาก “เมื่อปีที่แล้ว Tesla ลดราคารถอีวีในจีนลงสองครั้ง ในขณะที่ BYD ขยับราคาในจีนขึ้น ดูสิ ทั้งคู่คือคู่แข่งของกันและกัน ในจีน BYD นำหน้า Tesla ไปไหนต่อไหนแล้ว เป็นคำถามที่ตลกมาก ”
โดยเมื่อไม่นานมานี้ BYD เปิดเผยว่ากําไรประจําปี 2565 เพิ่มสูงขึ้นมากเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 16.3 พันล้านหยวน หรือประมาณ 2.4 พันล้านดอลลาร์ (ราว 7.92 หมื่นล้านบาท) ซึ่งสูงขึ้นกว่าปี 2564 ประมาณ 1,200%
“มากไปกว่านั้น ใน 2565 แม้หักภาษีธุรกิจรถยนต์ตามกฎหมายจีนแล้ว BYD ก็ยังทำเงินได้มากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.6 หมื่นล้านบาท) ผมมองว่ามันน่าเหลือเชื่อมาก และหากนับพื้นที่การผลิตทั้งหมดของบริษัทฯ มันเกือบจะเท่าเกาะแมนฮัตตัน ในสหรัฐ ทั้งเกาะเลยด้วยซ้ำ ผมมองว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากที่ไม่มีใครรู้จักบริษัทนี้ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาเลย”
น่าสนใจว่า นักลงทุนวัยเก๋าผู้นี้นิยามว่า อีลอน มัสก์ เป็นคนที่มีทั้งมีพรสวรรค์และประหลาดในเวลาเดียวกัน ซึ่งก่อนหน้านี้มังเกอร์ชี้ว่าเหตุผลที่มัสก์ประสบความสำเร็จในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ‘ปาฏิหาริย์’ พร้อมทิ้งท้ายว่า
“ผมไม่คิดจะซื้อหรือขายชอร์ตหุ้น Tesla ด้วยซ้ำ”