10 หุ้น SET50 จ่ายปันผลสูงสุด ตั้งแต่ 3 - 7%
หุ้นที่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ดี และเป็นหุ้นที่แข็งแกร่ง เห็นจะเป็นหุ้นในกลุ่ม SET 50 บางหลักทรัพย์ ก็ถูกการจัดอันดับให้เข้าไปอยู่ในกลุ่มหุ้น SETHD ด้วย นั่นก็แปลว่า หุ้นตัวนั้นสามารถที่จะจ่ายเงินปันผลได้ค่อนข้างสูง เป็นหุ้นอีกหนึ่งกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจ
ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจเกิดความผันผวน หุ้นปันผลถือว่า เป็นอีกหนึ่งความปลอดภัยของนักลงทุน ซึ่งหลังจากที่บริษัทจดทะเบียนเริ่มทะยอยผลประกาศผลประกอบการแล้ว หลังจากนี้ก็เข้าสู่เทศกาล การจ่ายเงินปันผล โดยเฉพาะหุ้นใน SET 50 ถือว่า มีความทนทาน แข็งแกร่ง แม้ในสถาวะที่ตลาดผันผวนก็อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็สามารถพลิกกลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
และถ้าทำการคัดกรองอีกชั้นหนึ่งจะเห็นหุ้นในกลุ่ม SET 50 บางหลักทรัพย์ ก็ถูกการจัดอันดับให้เข้าไปอยู่ในกลุ่มหุ้น SETHD ด้วย นั่นก็แปลว่า หุ้นตัวนั้นสามารถที่จะจ่ายเงินปันผลได้ค่อนข้างสูง จึงเป็นหุ้นอีกหนึ่งกลุ่มที่นักลงทุนต่างให้ความสนใจ
(ข้อมูลตลาดหลักทร้พย์ ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566)
1.บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป หรือ TISCO
ราคาปิด ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ 101.50 บาท
- เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ 7.04%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2565 ที่ 7.20%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2564 ที่ 6.56%
- มาร์เก็ตแคป 81,265.53 ล้านบาท
- ค่า P/E 11.27 เท่า
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 104.00 / 86.00 บาท
2.บมจ. ไทยออยล์ หรือ TOP
ราคาปิด ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ 56.50 บาท
- เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ 6.55%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2565 ที่ 4.22%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2564 ที่ 1.41%
- มาร์เก็ตแคป 126,211.71 ล้านบาท
- ค่า P/E 3.86 เท่า
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 63.25 / 47.25 บาท
3.บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์ หรือ INTUCH
ราคาปิด ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ 75.00 บาท
- เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ 6.27%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2565 ที่ 3.66%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2564 ที่ 3.12%
- มาร์เก็ตแคป 240,501.58 ล้านบาท
- ค่า P/E 22.83 เท่า
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 78.75 / 67.00 บาท
4.บมจ. ปตท. หรือ PTT
ราคาปิด ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ 32.75 บาท
- เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ 6.11%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2565 ที่ 6.02%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2564 ที่ 2.63%
- มาร์เก็ตแคป 935,438.13 ล้านบาท
- ค่า P/E 9.28 เท่า
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 40.50 / 30.75 บาท
5.บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU
ราคาปิด ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ 15.80 บาท
- เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ 6.05%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2565 ที่ 5.62%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2564 ที่ 3.69%
- มาร์เก็ตแคป 75,394.68 ล้านบาท
- ค่า P/E 9.39 เท่า
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 21.30 / 15.20 บาท
6.บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP
ราคาปิด ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ 160.00 บาท
- เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ 5.87%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2565 ที่ 2.83%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2564 ที่ 3.60%
- มาร์เก็ตแคป 635,197.66 ล้านบาท
- ค่า P/E 8.96 เท่า
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 195.00 / 126.50 บาท
7.บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ หรือ LH
ราคาปิด ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ 9.75 บาท
- เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ 5.10%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2565 ที่ 5.05%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2564 ที่ 5.68%
- มาร์เก็ตแคป 116,509.70 ล้านบาท
- ค่า P/E 13.98 เท่า
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 10.10 / 8.00 บาท
8.บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ DTAC
ราคาปิด ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ 51.50 บาท
- เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ 4.16%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2565 ที่ 4.49%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2564 ที่ 6.54%
- มาร์เก็ตแคป 121,942.27 ล้านบาท
- ค่า P/E 39.09 เท่า
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 51.75 / 39.75 บาท
9.บมจ. ราช กรุ๊ป หรือ RATCH
ราคาปิด ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ 42.50 บาท
- เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ 3.90%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2565 ที่ 3.90%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2564 ที่ 5.33%
- มาร์เก็ตแคป 92,437.50 ล้านบาท
- ค่า P/E 11.35 เท่า
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 44.75 / 35.75 บาท
10.บมจ. โอสถสภา หรือ OSP
ราคาปิด ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ 30.50 บาท
- เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ 3.83%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2565 ที่ 3.89%
- เงินปันผลตอบแทนปี 2564 ที่ 3.21%
- มาร์เก็ตแคป 91,614.38 ล้านบาท
- ค่า P/E 37.42 เท่า
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 38.25 / 24.80 บาท