เปิดพอร์ตหุ้น - โพรไฟล์ชีวิต ดร.นิเวศน์ นักลงทุนวีไอ VS บอย ท่าพระจันทร์
หลังเกิดวิวาทะย่อมๆ ในวงการตลาดหุ้น เมื่อ “บอย ท่าพระจันทร์” ออกมาโพสต์พาดพิงไปยัง "ลุงคนหนึ่ง" ที่ถูกตีความว่าเป็น ดร.นิเวศน์ นักลงทุนวีไอ สร้างแรงกระเพื่อม และความเห็นในหลากหลายแง่มุม จากการสำรวจพอร์ตหุ้น ดร.นิเวศน์ ถือ 2 หุ้น และบอย ท่าพระจันทร์ ถืออยู่ 1 หุ้น
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วงการตลาดหุ้นร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง หลังเกิดวิวาทะย่อมๆ เมื่อ “อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย” หรือ “บอย ท่าพระจันทร์” เซียนพระชื่อดัง และเป็นนักลงทุนรุ่นใหม่สายเทคนิคอล ออกมาโพสต์พาดพิงไปยัง "ลุงคนหนึ่ง" ที่ถูกตีความว่าเป็น ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนวีไอ เบอร์ต้น ๆ ในประเทศไทย ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อม และความเห็นในหลากหลายแง่มุม
แม้ต่อมา บอย ได้ลบโพสดังกล่าวออกไป และออกมากล่าวขอโทษแฟนคลับ “ขออภัย FC ทุกท่าน ที่วิจารณ์ลุงคนดี ทั้งที่รู้ว่าสิ่งนี้ไม่ดี แต่ก็ทำ (อาจเป็นเพราะผมเห็นลุงเขาทำได้ เลยคิดว่าดีครับ)” นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำในคอมเมนต์กับแฟนคลับอีกว่า “ผมมาขอโทษ FC นะครับ ไม่ได้ขอโทษลุง” และอีกคอมเม้นท์ตามมาอีกครั้งว่า “ขออภัย FC ทุกท่านจากใจจริง”
ขณะที่ดร.นิเวศน์ ได้พูดถึงประเด็นดังกล่าวในรายการ Right Now บนช่อง YouTube “ถามอีก กับอิก TAM-EIG” ว่า ประเด็นดราม่า ไม่ได้สนใจ ซึ่งผมผ่านมาเยอะแล้ว สมัยโน้น สมัยนี่โดนมาตลอด พอไปค้านพวกในวงการหุ้นที่มีผลประโยชน์เยอะ ซึ่งไม่ได้ต้องการไปขัดใคร แต่เขารู้สึกว่าเราไปขัด เลยมาโจมตี ว่าผมชวนคนไปเวียดนามแล้วก็ขายใส่พูดแบบเหลวไหลมาก ผมไม่เคยขายใส่ เวียดนามผมยังไม่เคยขาย มีแต่ซื้ออย่างเดียว และมาบอกว่า ผมขายใส่มือเขาให้เขาเจ๊ง แบบนี้มีที่ไหน
ส่วนหุ้นในประเทศก็ไม่เคยขาย อยู่มาเป็น 10 กว่าปี ถ้าย้อนกลับไปดู 5 ปีที่แล้วผมถืออะไร ผมมีมากขึ้นกว่านั้นอีก ไม่เคยขาย เพียงแต่ชื่อมันหายไป เพราะจากเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนไป และเราเป็นรายย่อยที่ใหญ่แต่ใหญ่ในสมัยก่อน สมัยนี้เล็กแล้ว ก็ไม่ได้ปรากฎรายชื่อ ก็กลายว่าเอาเรื่องที่ไม่จริงมาดิสเครดิต ผมอยู่ในตลาดมานาน เราก็ต้องสร้าง Credibility ผมเชื่อแบบ วอร์เรน บัฟเฟตต์ คุณน่ะสร้างมา 25 ปี 26 ปี ทำผิดไป 5 นาที เสียหายหมด ผมยอมไม่ได้ ชื่อเสียงเราสร้างมา 26 ปี ไม่เคยมีเสียหาย เราไม่ใช่คนอย่างนั้น เราพิสูจน์มานานมากกว่าคนอื่นทุกคน
ทั้งนี้ "กรุงเทพธุรกิจ” ได้เข้าไปสำรวจพอร์ตหุ้น (เฉพาะที่ปรากฎอยู่ในฐานข้อมูลตลาดหลักทรัพย์) โดย ดร.นิเวศน์ ถืออยู่ 2 หลักทรัพย์ รวมมูลค่า 638 ล้านบาท และบอย ท่าพระจันทร์ ถืออยู่ 1 หลักทรัพย์ มูลค่า 27.59 ล้านบาท
(ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566)
หมายเหตุ: ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้สะท้อนถึงพอร์ตการลงทุนที่แท้จริงของทั้ง 2 คน
1.ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนหุ้นวีไอ ปัจจุบันปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 หลักทรัพย์ (ไม่รวมที่ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ของภรรยาและลูกสาว)
- บมจ. จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรือ EASTW ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 7 จำนวน 10,000,000 หุ้น หรือ 0.60% (ข้อมูล ณ วันที่ 12 กันยายน 2565) ราคา ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ปิดที่ 5.30 บาท มีมูลค่า 53.00 ล้านบาท (เริ่มปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2555 รวมเป็นระยะเวลาที่ถือครองนาน 11 ปี)
- บมจ. ควอลิตี้เฮ้าส์ หรือ QH ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 3 จำนวน 250,000,000 หุ้น หรือ 2.33% (ข้อมูล ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2566) ราคา ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ปิดที่ 2.34 บาท มีมูลค่า 585.00 ล้านบาท (เริ่มปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2558 รวมเป็นระยะเวลาที่ถือครองนาน 8 ปี)
ก่อนหน้านี้ดร.นิเวศน์เคยปรากฎเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (ไม่รวมชื่อบุคคลในครอบครัวที่ปรากฎเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่)
- AS ตั้งแต่ 31 สิงหาคม 2553 - 30 สิงหาคม 2556
- BAFS ตั้งแต่ 25 มีนาคม 2554 - 18 ธันวาคม 2563
- ITตั้งแต่ 12 มีนาคม 2553 - 23 สิงหาคม 2555
- JMART ตั้งแต่ 26 สิงหาคม 2553 - 28 สิงหาคม 2556
- KTC ตั้งแต่ 24 มีนาคม 2554
- MBK ตั้งแต่ 23 เมษายน 2553 - 24 ตุลาคม 2557
- METCO ตั้งแต่ 14 ธันวาคม 2553 - 14 ธันวาคม 2563
- TCAP ตั้งแต่ 14 มีนาคม 2557 - 5 พฤษภาคม 2564
ส่วนหุ้นที่ปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นบุคคลในครอบครัวทั้งที่ถืออยู่ในปัจจุบันและในอดีต ได้แก่ WG , WACOAL , TMD , SSC , STANLY , SVOA , RAM , SE-ED , SF , SLM , PR , MC , MATI , IRC , CMO , AMARIN BCPG , HMPRO , CPALL , CENTEL และ BCP
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ปัจจุบันอายุ 69 ปี จบการศึกษาปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาเครื่องกล จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มงานเป็นวิศวกรในโรงงานน้ำตาลของบริษัท ไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม จำกัด ผ่านไปสองปีจึงศึกษาต่อในหลักสูตร บริหารธุรกิจ (MBA) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ตามคำชักชวนของเพื่อน ส่วน“ตำแหน่งงานก้าวหน้าขึ้นเป็นหัวหน้าวิศวกร ดูแลด้านวิชาการเกือบหมด ต่อมา สอบขอรับทุน Research Assistant เพื่อศึกษาปริญญาเอกด้านการเงินที่ University of Mississippi ประเทศสหรัฐอเมริกาถึงสองครั้ง ครั้งแรกสอบไม่ผ่านทั้งที่เตรียมตัวมาดิบดี ครั้งที่ 2 ไม่ได้อ่านหนังสือเลยแต่ก็ปรากฏว่าสอบได้ ดร.นิเวศน์ จึงลาออกจากงาน นับเวลาได้ 7 ปี ของการเป็นวิศวกร
เมื่อจบปริญญาเอก เริ่มต้นการทำงานด้านธุรกิจการเงิน ด้วยตำแหน่งผู้จัดการสำนักวางแผนและบริหารการเงิน ที่บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ IFCT องค์กรผู้ให้บริการด้านเงินกู้แก่ธุรกิจอุตสาหกรรม ผ่านประสบการณ์ที่ IFCT อยู่ราว 7 ปี ดร.นิเวศน์ ก็เข้าทำงานในตำแหน่งกรรมการรองกรรมการผู้จัดการ ที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ นวธนกิจ จำกัด (มหาชน) ในปี พ.ศ. 2534 ดร.นิเวศน์ ทำงานกับบริษัทหลักทรัพย์นวธนกิจได้ ราว 8 ปี ก็เปลี่ยนบทบาทเป็นที่ปรึกษาให้กับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TAC (ปัจจุบันคือ DTAC) หลังจากต้องเจอวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ที่ต้องออกจากงาน และจึงเข้ามาลงทุนในหุ้น โดยวิเคราะห์เลือกหุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อย และสามารถจ่ายเงินปันผลได้ บวกกับหุ้นตัวนั้นต้องราคาลดลงมามากในช่วงนั้น
ดร.นิเวศน์ เคยเขียนบทความ "เส้นทางชีวิตก่อนเป็นนักลงทุนเต็มตัว" ได้พูดถึงตัวเองในช่วงหนึ่งของชีวิตว่า ผมเองเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนมาก แต่เนื่องจากเรียนดีใช้ได้ และเป็นลูกคนสุดท้อง จึงมีโอกาสได้เรียนจนจบปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ทำให้สามารถหางานทำที่มีเงินเดือนค่อนข้างดีในยุคเกือบ 50 ปีมาแล้วตอนอายุ 22 ปี มองย้อนหลังกลับไป ผมเกิดมาก็มีคุณสมบัติเป็น “VI โดยธรรมชาติ” นั่นก็คือ เป็นคนที่ขยันหาเงินตั้งแต่เด็กประหยัดอดออม เป็นคนที่ชอบคิดและหาเหตุผล มีวินัยสูง และที่สำคัญก็คือ “ยากจน”
2.บอย ท่าพระจันทร์ นักลงทุนรุ่นใหม่สายเทคนิคอล ปัจจุบันปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 1 หลักทรัพย์
- บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ หรือ TGE ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 10 จำนวน 15,768,000 หุ้น หรือ 0.72% (ข้อมูล ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2565) ราคา ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ปิดที่ 1.75 บาท มีมูลค่า 27.59 ล้านบาท (เริ่มปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2565 รวมเป็นระยะเวลา 6 เดือน)
ก่อนหน้านี้ “บอย” เคยถือหุ้น เริ่มปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
- ADD-R ตั้งแต่ 22 มีนาคม 2565 - 22 พฤศจิกายน 2565
- AS ตั้งแต่ 27 สิงหาคม 2564 และ AS-R ตั้งแต่ 27 สิงหาคม 2564 - 14 มีนาคม 2565
- AU ตั้งแต่ 11 มีนาคม 2563 - 10 เมษายน 2563
- ECL ตั้งแต่ 24 มีนาคม 2559
- INET-R ตั้งแต่ 21 มีนาคม 2565
- INSET-R ตั้งแต่ 26 สิงหาคม 2564
- IP ตั้งแต่ 25 สิงหาคม 2560 - 9 เมษายน 2563
- JAS ตั้งแต่ 29 มีนาคม 2560 - 25 สิงหาคม 2560
- JMART ตั้งแต่ 13 มีนาคม 2561 - 12 มิถุนายน 2563 และ JMART-R ตั้งแต่ 28 สิงหาคม 2562 - 25 สิงหาคม 2565
- JMT ตั้งแต่ 11 มีนาคม 2564 ,JMT-R ตั้งแต่ 8 พฤศจิกายน 256425 สิงหาคม 2565 และ JMT-W1 ตั้งแต่ 8 มิถุยายน 2561
- NSL ตั้งแต่เริ่มไอพีโอ 14 พฤษภาคม 2564
- PLANB-R ตั้งแต่ 30 พฤศจิกายน 2564
- SINGER-R ตั้งแต่ 10 กันยายน 2564 - 10 มีนาคม 2565
- SNC ตั้งแต่ 22 กุมภาพันธ์ 2560
- SR ตั้งแต่ 30 พฤศจิกายน 2558 - 17 มีนาคม 2559
- TKN ตั้งแต่ 10 มีนาคม 2563 และ TKN-R ตั้งแต่ 8 มีนาคม 2565
บอย ท่าพระจันทร์ ปัจจุบันอายุ 43 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด เคยเขียนในเฟชบุ๊คในวันเกิดครบรอบ 39 ปี ของเขา ว่า "3 ขวบกว่า ครอบครัวของผมพ่อกับแม่แยกทางกัน,7 ขวบย้ายโรงเรียนจากเอกชนไปเรียนรัฐบาล (แม่ไม่มีเงินส่ง),8 ขวบย้ายโรงเรียนอีก...มาเรียนโรงเรียนวัดราชสิทธฺิธาราม (วัดพลับ) จนจบประถม 6, มัธยมเรียนโรงเรียนวัดประดู่ในทรงธรรมที่นี่เองที่เปลี่ยนชีวิตจากเด็กที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร ทะเลาะเกเรไปวันๆ ได้มีโอกาสไปบวชเณร ภาคฤดูร้อน และก้าวเข้าสู่วงการพระตั้งแต่อายุ 13 ปี และบอกกับตัวเองว่าจะเข้าสู่วงการพระอย่างเต็มตัวเมื่ออายุ18 และเมื่ออายุ 20 ปี ตั้งใจว่าจะทำให้ทุกคนที่หยิบกล้องส่องพระรู้จักชื่อ “บอย ท่าพระจันทร์” ให้ได้ และหลังจากนั้นเริ่มเรียนรู้พระเครื่องอย่างจริงจัง และคิดว่าเป็นสิ่งเดียวที่เราจะทำได้ และจะทำให้ได้ดีที่สุด
และเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา เป็นวันเกิดของ “บอย ท่าพระจันทร์” ซึ่งได้โพสลงในเฟสบุคของเขาว่า "10 ปี ที่อยู่วงการหุ้น บอกเลยว่าในแต่ละวัน สู้รบและฝึกฝีมืออย่างสม่ำเสมอ ซื้อและขายทุกวัน และสุดท้าย คือถือยาวมากขึ้น VI และพยายามเข้าใจตลาดให้มากกว่าเก่า