‘หุ้นไทย’ ร่วง 6.67 จุด ต่างชาติเทขาย เหตุงบไตรมาส4-จีดีพีต่ำคาด

‘หุ้นไทย’ ร่วง 6.67 จุด ต่างชาติเทขาย เหตุงบไตรมาส4-จีดีพีต่ำคาด

“ตลาดหุ้นไทย” ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 1,627.35 จุด ลดลง 6.67 จุด หรือ 0.41% “บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์” ชี้ฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลออก 2.2 แสนล้านบาท เหตุผิดหวังผลประกอบการไตรมาส 4 และจีดีพีที่ต่ำคาด ประเมินแนวรับพรุ่งนี้อยู่ที่ 1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640 จุด

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด “หุ้นไทย” วันนี้ผันผวนในทิศทางปรับตัวลดลงตลอดทั้งวัน ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นไทยทำจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,624.62 จุด ก่อนมาปิดตลาดที่ 1,627.35 จุด ลดลง 6.67  จุด หรือ 0.41% มูลค่าซื้อขาย 54,202.34 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่

1. SCB มูลค่า 2,961.36 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 103.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 หรือ 1.97%

2. CPALL มูลค่า 2,061.62 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 62.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 หรือ 0.81%

3. KBANK มูลค่า 1,911.50 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 136 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 หรือ 0.37%

4. BDMS มูลค่า 1,550.51 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 28.50 บาท ลดลง 0.75 หรือ 2.56%

5. ADVANC มูลค่า 1,474.59 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 200 บาท ลดลง 1.00 หรือ 0.50%

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงวันนี้สาเหตุหลักเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยเพราะผิดหวังจากผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัทจดทะเบียนและตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ที่ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ 

“จริงๆ มีทั้งบริษัทฯ ที่งบฯ ไตรมาส 4 ดี แต่ดีกว่าคาดแค่เฉลี่ย 8% ในขณะที่มีกลุ่มที่น้อยกว่าคาดก็น้อยกว่าตั้ง 18% ประกอบกับสถานการณ์เงินบาทของประเทศไทยที่อ่อนค่า ทั้งหมดทำให้ต่างชาติผิดหวังจนเทขายหน้าหุ้นไทยมาตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนม.ค. โดยขายรวมประมาณ 2.2 แสนล้านบาท”

สำหรับวันพรุ่งนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจแกว่งในลักษณะอยู่กับที่ และยากที่จะเห็นกราฟปรับตัวขึ้นมาเป็นบวกในระยะสั้น โดยคาดแนวรับอยู่ที่ 1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640 จุด 

“อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องจับตาการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถ้าดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมากๆ อาจจะชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท ต่างชาติอาจจะวกกลับมาบ้าง เพราะการรายงานผลประกอบการจบแล้ว พรุ่งนี้วันสุดท้าย การขายด้วยปัจจัยนี้อาจจะหมดไป มีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนจะเริ่มมาคาดหวังผลประกอบการไตรมาส 1 จนมีการซื้อกลับก็เป็นได้”

สำหรับคำแนะนำในการลงทุนควรเข้าสะสมหน้าหุ้นที่ให้ปันผลสูง เพราะในช่วงที่ผ่านมาหน้าหุ้นดังกล่าวปรับตัวลงไปเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น TVO SCB ADVANC TISCO และ LH เป็นต้น