ดาวโจนส์ร่วง 543 จุด หลังพุ่งกว่า 100 จุดในช่วงแรก
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(9มี.ค.)ปรับตัวร่วงลง 543 จุด หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงแรก ขานรับตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 543.54 จุด หรือ 1.66% ปิดที่ 32,254.86 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 73.69 จุด หรือ 1.85% ปิดที่ 3,918.32 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 237.65 จุด หรือ 2.05% ปิดที่ 11,338.35 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 21,000 ราย สู่ระดับ 211,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ราย
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวพุ่งขึ้นเหนือระดับ 200,000 รายเป็นครั้งแรกในรอบ 8 สัปดาห์
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 69,000 ราย สู่ระดับ 1.718 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน
ทั้งนี้ บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีได้รับผลกระทบหนักสุดจากการประกาศปลดพนักงานในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งบริษัทในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถูกกระทบจากยอดขายที่ตกต่ำลง หลังการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ในการแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ โดยเฟดจะพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ
"เรายังไม่ได้ทำการตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับการประชุมในเดือนมี.ค. และที่สำคัญคือ เฟดไม่มีการกำหนดแนวทางเอาไว้ล่วงหน้า โดยการตัดสินใจของเฟดจะถูกกำหนดจากข้อมูลที่เข้ามา และแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป" นายพาวเวล กล่าว
นอกจากนี้ นายพาวเวล ยังระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ ถือเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ รวมทั้งตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 21-22 มี.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากพุ่งขึ้นเกินคาดถึง 517,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2512