มูลค่ากลุ่ม ‘หุ้นการเงินโลก’ ร่วง 15 ล้านล้านบาท ‘ญี่ปุ่น’ เจ็บหนักสุด

มูลค่ากลุ่ม ‘หุ้นการเงินโลก’ ร่วง 15 ล้านล้านบาท ‘ญี่ปุ่น’ เจ็บหนักสุด

มูลค่าตลาดหุ้นกลุ่มการเงินโลกร่วง 4.65 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 15.34 ล้านล้านบาท) เหตุนักลงทุนลดการเข้าถึงผู้ปล่อยกู้จากนิวยอร์ก-ญี่ปุ่น กรณี SVB กูรูชี้ในเอเชียเหนือตอนนี้ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบหนักสุด

Key points

  • มูลค่าตลาดหุ้นกลุ่มการเงินโลกร่วง 4.65 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 15.34 ล้านล้านบาท)
  • เหตุนักลงทุนลดการเข้าถึงผู้ปล่อยกู้จากนิวยอร์ก-ญี่ปุ่นจากความกังวลการล่มสลายของ SVB
  • กูรูชี้ในภูมิภาคเอเชียอาจได้รับผลกระทบไม่แรงเท่าสหรัฐ-ยุโรปเหตุเงินฝากอยู่ในสถานะมั่นคง กระจายความเสี่ยงดีและมีสภาพคล่อง
  •  อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่หน้าหุ้นกลุ่มการเงินได้รับผลกระทบหนักสุด โดยธนาคารญี่ปุ่นมีอัตราส่วนขาดทุนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ยังไม่เกิดขึ้น หรือ unrealized loss-to-equity ratios สูงที่สุดในภูมิภาค

 

มูลค่าตลาดหรือมาร์เก็ตแวลลูของหุ้นกลุ่มการเงินโลก (Global financial stocks) ร่วงลง 4.65 แสนล้านดอลลาร์(ประมาณ 15.34 ล้านล้านบาท) ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา (10 มี.ค.) หลังจากนักลงทุนลดการเข้าถึงผู้ปล่อยกู้จากนิวยอร์กยาวไปยังญี่ปุ่นหลังจากการล่มสลายของ Silicon Valley Bank หรือ SVB ธนาคารที่เน้นให้บริการบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัป โดยมูลค่ารวมดังกล่าวคำนวณจากมูลค่าตลาดของบริษัทในดัชนี MSCI World Financials Index และดัชนี MSCI EM Financials Index

ปัจจุบันนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งกังวลว่าบริษัทด้านการเงินอาจได้รับผลกระทบจากการลงทุนในพันธบัตรและตราสารอื่นๆ จากกรณี SVB ล้ม โดยตั้งแต่เมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) เป็นต้นมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Treasury yields) ผันผวนอย่างมากหลังจากดิ่งลงเมื่อวานนี้ ท่ามกลางความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะออกมาตรการระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ด้าน จอร์น วูดส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Credit Suisse Group AG กล่าวว่า“ตอนนี้เหมือนตลาดการเงินทั่วโลกกำลังเดินอยู่บนเส้นด้าน” และกล่าวต่อว่า “เราต้องการรู้ให้แน่ชัดว่าผลกระทบของSVB จะลามไปไกลสุดมากขนาดไหน และจากความรู้สึกของผมมองว่าเฟดคงไม่ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแล้วล่ะ และอาจจะสร้างหายนะเรื่องสภาพคล่องได้อีก”

ด้านดัชนีการธนาคารระดับภูมิภาคของ KBW ลดลง 7.7% ซึ่งเป็นการดิ่งลงอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2020 ส่วนหุ้นของธนาคาร First Republic Bank หรือ FRC ร่วงแรง 73% ในช่วยการซื้อขาย 3 ช่วงเวลา ทำให้ตอนนี้ หุ้น FRC ย่อตัวลงมากที่สุดในบรรดาบริษัทในดัชนี MSCI World Financials Index

ขณะที่หุ้นของธนาคารและบริษัทประกันในยุโรปก็ร่วงลงเช่นเดียวกันกันเมื่อวานนี้ โดยหุ้น Credit Suisse Group AG ร่วง 9.6% ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความกังวลโดมิโน่เอฟเฟกต์จากการล่มสลายของSVB 

สถานการณ์ธนาคารสัญชาติญี่ปุ่น

ธนาคารรายใหญ่ในเอเชียเหนือส่วนใหญ่แบกรับความเสี่ยงจากกรณี SVB ค่อนข้างน้อยเนื่องจากเงินฝากที่ยังอยู่ในสถานะมั่นคง (solid deposits) การกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ (asset mixes) และสภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์ดี(liquidity) โดย ฟรานซิส ชาน นักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์กประเมินว่า “ผู้ให้กู้รายย่อยอาจพยายามกระจายความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และจัดการความเสี่ยงทางเครดิต (credit risks) ให้สามารถดูแลได้ง่าย”

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์กประเมินว่า หุ้นกลุ่มการเงินญี่ปุ่นได้รับผลกระทบหนักที่สุดในภูมิภาค หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางสัญญาณว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจหันไปใช้มาตรการคุมเข้มทางการเงินหลังจากไม่ได้ใช้มาหลายปี

อนึ่ง ธนาคารญี่ปุ่นมีอัตราส่วนขาดทุนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ยังไม่เกิดขึ้น (unrealized loss-to-equity ratios) สูงที่สุดในภูมิภาค โดย Jimoto Holdings Inc., Tsukuba Bank Ltd. และ Fukushima Bank Ltd. คือบรรดาบริษัทที่มีอัตราส่วนดังกล่าวอย่างน้อย 9% ซึ่งแต่ละบริษัทมีมาร์เก็ตแคปต่ำกว่า 150 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.95 พันล้านบาท) และหุ้นของบริษัททั้ง 3 ยังร่วงลงมากกว่า 10% ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา

ด้าน ทาคุ อิโตะ หัวหน้าผู้จัดการกองทุนที่ Nissay Asset Management Corp. กล่าวว่า “วันนี้เพิ่งจะขายหุ้นธนาคารและบริษัทประกันภัยในพอร์ตไป และขายแบบขาดทุนด้วย แต่ฉันมองว่าผู้จัดการกองทุนจำนวนมากก็เลือกที่จะทำแบบฉัน เพราะเอาจริงๆ ก่อนหน้านี้หุ้นแบงก์พุ่งสูงขึ้นมาก และผู้จัดการกองทุนจำนวนมากก็เพิ่มสัดส่วนหุ้นแบงก์เข้าพอร์ตเช่นเดียวกัน”