4 สิ่งต้องรู้จาก ‘ดีลประวัติศาสตร์’ ของสองแบงก์ยักษ์ใหญ่สวิตเซอร์แลนด์
เปิด 4 ประเด็นที่ต้องรู้เกี่ยวกับข้อตกลงทางธุรกิจครั้งประวัติศาสตร์ของธนาคารยักษ์ใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์สองแห่ง ตั้งแต่ข้อตกลงการเข้าซื้อ, มุมมองแบงก์ในอนาคต, การเลิกจ้าง ยาวไปจนถึงความช่วยเหลือจากรัฐบาล
Key Points
- ธนาคาร UBS เข้าซื้อกิจการธนาคาร Credit Suisse ด้วยเม็ดเงินกว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.089 แสนล้านบาท)
- ธนาคาร UBS ยอมรับว่า ‘ตื่นเต้น’ กับดีลครั้งนี้ แต่ยืนยันว่าเหตุผลหลักคือ ช่วยประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤติทางการเงิน
- ธนาคาร UBS จะยังรักษาหน่วยธุรกิจของ Credit Suisse ที่ยังทํากําไรไว้ โดยเฉพาะธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง แต่จะลดขนาดธุรกิจวาณิชธนกิจลงให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมความเสี่ยงแบบคอนเซอร์เวทีฟของ UBS
- ธนาคาร UBS จ่อลดฐานต้นทุนรายปี (Annual Cost Base) ลงกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.64 แสนล้านบาท) ภายในปี 2027
- ทั้งสองธนาคารเข้าถึงความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องจากธนาคารกลาง ได้เต็มที่
การควบรวมระหว่าง UBS Group AG ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และ Credit Suisse Group AG ธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ นับเป็นดีลทางธุรกิจที่สำคัญอย่างมากตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินเมื่อเกือบ 15 ปีเป็นต้นมา
โดย UBS เข้าซื้อธนาคารดังกล่าวด้วยเม็ดเงินประมาณ 3.3 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.089 แสนล้านบาท) โดยหวังหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นหากธนาคาร Credit Suisse ล่มสลายตามธนาคารพาณิชย์อื่นในสหรัฐ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์สนับสนุนข้อตกลงนี้ด้วยการให้การช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง, การค้ำประกันให้ครอบคลุมผลขาดทุนของ UBS มากถึง 9 พันล้านฟรังก์ หรือประมาณ 9.7 พันล้านดอลลาร์ (ราว 3.201 แสนล้านบาท )รวมทั้งยกเว้นข้อกําหนดในการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น
และนี่คือ 4 ประเด็นที่ควรรู้เกี่ยวกับดีลประวัติศาสตร์ครั้งนี้
ข้อตกลงทางธุรกิจ
ผู้ถือหุ้น Credit Suisse จะได้รับหุ้น UBS ในดีลมูลค่า 3.3 พันล้านดอลลาร์ครั้งนี้ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาธนาคาร Credit Suisse มีมูลค่าในตลาดอยู่ที่ 7.4 พันล้านฟรังก์ หรือประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2.64 แสนล้านบาท) และอยู่ที่ 2 หมื่นล้านฟรังก์ หรือประมาณ 2.16 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.128 แสนล้านบาท) เมื่อปีที่แล้ว และเคยมีมูลค่ามากถึง 1 แสนล้านฟรังก์ หรือประมาณ 1.08 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.564 ล้านล้านบาท) ในปี 2007
นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า การใช้กองทุนสาธารณะ (Public Funds) เพื่อเข้าช่วยเหลือครั้งนี้หมายความว่าหุ้นกู้เพิ่มเติมชนิดเทียร์ 1 หรือ AT1 จะถูกตัดออกให้เป็นศูนย์ ซึ่งจะทำให้ ‘ผู้ถือหุ้นกู้’ ได้รับความเสียหายมากกว่า ‘ผู้ถือหุ้น’ ที่โดยปกติแล้วควรเป็นผู้รับผลกระทบในลำดับแรก
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของธนาคาร Credit Suisse ระบุว่า อาจปิดดีลนี้ได้ภายในสิ้นปี 2023 ด้าน โคลม เคลเลเฮอร์ ประธานของ UBS กล่าวว่า
ไม่มีเหตุผลที่ UBS จะถอยออกมาจากดีลนี้ รวมทั้งรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ใช้ข้อบัญญัติฉุกเฉินเพื่อลดขั้นตอนการขออนุมัติจากกลุ่มผู้ถือหุ้นแล้วด้วย
อนึ่ง โคลม เคลเลเฮอร์ และราล์ฟ ฮาเมอร์ส ผู้บริหารสูงสุด (ซีอีโอ) จะยังคงดำรงตำแหน่งบริหารอยู่ระหว่างการควบรวม และตามถ้อยแถลงของหน่วยงานกำกับดูแลของสวิตเซอร์แลนด์ คณะผู้บริหารของธนาคาร Credit Suisse จะยังอยู่ในตำแหน่งจนกว่าดีลครั้งนี้จะลุล่วงไปด้วยดี และหลังจากนั้น UBS จะเป็นผู้คัดเลือกคณะทำงานชุดใหม่ด้วยตัวเอง
“การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้น่าสนใจมากสําหรับผู้ถือหุ้น UBS แต่ผมก็ต้องชัดเจนนะครับว่า ตราบใดที่สถานการณ์ของ Credit Suisse ยังวิกฤติ นี่คือ การช่วยเหลือแบบฉุกเฉิน” เคลเลเฮอร์ กล่าว
ภาพธุรกิจในอนาคต
ทั้งนี้ โคลม เคลเลเฮอร์ ระบุชัดเจนว่า UBS ตื่นเต้นกับธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และธุรกิจจำนวนหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ ทว่าไม่ตื่นเต้นกับส่วนของธนาคารเพื่อการลงทุน ซึ่งข่าวแจกของ UBS ย้ำชัดเจนบริษัทควบรวมแล้วจะมีสินทรัพย์ของลูกค้าอยู่ที่ 5 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 165 ล้านล้านบาท
“บริษัท มุ่งมั่นที่จะรักษาหน่วยธุรกิจของ Credit Suisse ที่ยังทํากําไรเอาไว้ แม้เราจะกังวลเรื่องธุรกิจของธนาคาร Credit Suisse ที่กระจุกตัวอยู่ภายในประเทศเท่านั้นก็ตาม อย่างไรก็ดี UBS ตั้งใจที่จะลดขนาดธุรกิจวาณิชธนกิจของ Credit Suisse ลงเพื่อทำให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมความเสี่ยงแบบคอนเซอร์เวทีฟ (Conservative Risk Culture) ของเรา ”
การลดจำนวนพนักงาน
โคลม เคลเลเฮอร์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปในประเด็นเรื่องการลดจำนวนพนักงาน แต่ UBS มีแผนลดฐานต้นทุนรายปี (Annual Cost Base) ของบริษัท ลงรวมกันมากกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.64 แสนล้านบาท) ภายในปี 2027 ซึ่งคือ เกือบครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่ายเมื่อปีที่แล้วของธนาคาร Credit Suisse
ประธานของ UBS กล่าวว่า ช่วงเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้าอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ ‘ยากลำบาก’ สำหรับพนักงานของธนาคาร Credit Suisse แต่ UBS จะทำทุกวิถีทางให้ ‘ความไม่แน่นอน’ จบลงเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความช่วยเหลือจากรัฐบาล
ทั้งนี้ ทั้งสองธนาคารยังสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องที่ธนาคารกลางแห่งสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) จัดเตรียมไว้ให้ได้อย่างไม่จำกัด อย่างไรก็ตามหากความเสียหายด้านการเงินในอนาคตเกินเกณฑ์ที่กําหนด รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ ระบุว่า จะเข้าถือครองสินทรัพย์จำนวนมากถึง 9 พันล้านฟรังก์ หรือประมาณ 9.71 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.2043 แสนล้านบาท) โดยส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ของธนาคาร Credit Suisse ที่ธนาคาร UBS ได้มาหลังควบรวม"
โคลม เคลเลเฮอร์ กล่าวว่าต่อว่าการการันตีความเสียหาย (Loss-Guarantee) จากรัฐบาลจำเป็นอย่างมากเพราะขณะนี้ธนาคาร ไม่มีเวลาตรวจสอบวิเคราะห์สถานะและการประเมินทรัพย์สิน (Due Diligence) รวมทั้งธนาคาร Credit Suisse ไม่มีสินทรัพย์ใกล้เคียงในตลาดที่สามารถเปรียบเทียบมูลค่าได้ (Hard-to-value Assets) ด้วย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์