โบรกคัดหุ้น Domestic play รับอานิสงส์เดินหน้าเลือกตั้ง
ประกาศยุบสภาฯแล้ววานนี้ (20 มี.ค.) เตรียมเดินหน้า"เลือกตั้ง" เป็นปัจจัยบวกที่ตลาดทุนรอ เพื่อเข้ามาช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนใน“ตลาดหุ้นไทย” ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์ของสถาบันการเงินในต่างประเทศที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง
ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) กล่าวว่า จากสถิติดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงหลังวันประกาศยุบสภา ในอดีต 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการยุุบสภา 6 ครั้ง โดยพบว่า 1 วันหลังยุบสภาฯดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือให้ผลตอบแทนดีที่สุดเฉลี่ย 1.2% ด้วยความน่าจะเป็น 67%
ในปัจจุบันเรามองว่าตลาดตอบรับข่าวเร็วกว่าในอดีต เพราะนักลงทุนได้มองประเด็นเกิดการยุบสภาฯ ล่วงหน้าไปแล้ว แน่นอนว่า หากมีการยุบสภาฯ ตลาดหุ้นไทยมักจะตอบรับเชิงบวก ทำให้ยังคง Outperform และกลับมามีสีสันโดด เด่นกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่ปรับตัวลงวานนี้ จากปัจจัยเสี่ยงในต่างประเทศยังสร้างความกังวลต่อเซ็นทริเมนต์การลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ เราพบว่า การค้นหาคำว่า “เลือกตั้ง” สะท้อนมายัง Google Trend ในช่วง 90 วันที่ผ่านมา สะท้อนว่าประชาชนกลับมาสนใจการเลือกตั้งในประเทศอีกครั้ง
สำหรับกลุ่มหุ้นที่ขึ้นเด่นหลังประกาศยุบสภาฯ จากสถิติในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา คือ “ค้าปลีก” โดยเฉพาะ บมจ. เบอร์ลี่ ยุคเกอร์(BJC) และ บมจ.ซีพี ออลล์(CPALL) พบว่า หลังจากยุบสภาฯแล้ว โดยเฉพาะในช่วง 5 และ 10 วันทำการ ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย โดย BJC เพิ่มขึ้น 6% และ 4.5% ส่วน CPALL เพิ่มขึ้น 2.1% และ 5%
ณัฐพล กล่าวว่า หุ้นDomestic play อื่นๆ เช่น ธนาคารพาณิชย์ เครื่องดื่ม สื่อสาร ไฟแนนซ์ สื่อและสิ่งพิมพ์ ( ธนาคารกสิกรไทย (KBANK), ธนาคารเกียรตินาคินภัทร(KKP), บมจ.โอสถสภา(OSP), บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC), บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE), บมจ. ศรีสวัสดิ์คอร์ปอเรชั่น ( SAWAD) , บมจ. ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969(SCAP), บมจ.แพลนบี มีเดีย (PLANB)) คาดว่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกรอบนี้ด้วยเพราะเม็ดเงินในการจัดกิจกรรมเลือกตั้ง 2 เดือนหลังจากนี้ จะสะพัดมากกว่าทุกครั้ง
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนในช่วงตลาดผันผวนในสัปดาห์นี้ นักลงทุนยังต้องใช้ความระมัดระวัง หากสามารถรับความเสี่ยงได้มาก สามารถทยอยเข้าลงทุนในหุ้นเด่นที่ได้รับอานิสงส์การเมืองในประเทศ คาดการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งเป็นบวกต่อกลุ่ม ค้าปลีก ธนาคาร ไฟแนนซ์ เครื่องดื่ม
อย่างไรก็ตามหากรับความเสี่ยงได้น้อย เพราะหลังยุบสภา 5-10 วัน ก็ยังมีความผันผวน ดังนั้น ให้รอติดตามสถานการณ์ต่างๆ หลังการประชุมเฟด 22 มี.ค.นี้ให้ชัดเจนก่อน มองกรอบแนวต้าน 1,600 จุด และแนวรับ 1,540 จุด เป็นแนวรับที่แข็งแกร่งไว้ก่อนในสัปดาห์นี้
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บล. กสิกรไทย กล่าวว่า สถิติตลาดหุ้นไทยช่วงที่มีการยุบสภา 5 ครั้ง คือ ปี 2539, 2543, 2549, 2554, 2556 พบว่า 1 วันหลังการยุบสภาฯ ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้นเฉลี่ย 1.6% โดยหุ้นกลุ่มที่ปรับขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ คือ การเงิน 3.2%,สื่อสาร 2.0%, ธนาคารพาณิชย์ 1.8%, โรงพยาบาล 1.7%, อสังหา 1.7%
เราประเมินว่าดัชนีหุ้นไทย ในรอบนี้จะแตกต่างจากในอดีต ทั้งก่อนและหลังยุบสภา เนื่องจากปีนี้ประกาศยุบสภาวันที่ 20 มี.ค. ก่อนการประชุม Fed ที่รอบมีความสำคัญ และเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของการดำเนินนโยบายการเงิน ที่มีวิกฤติภาคธนาคาร ทั้ง SVB, Credit Suisse ซึ่งโดยปกติช่วงก่อนประชุม Fed นักลงทุนมักลดพอร์ตจะรอดูความชัดเจน( Wait &see)
อย่างไรก็ตามคาดว่าหุ้นที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับเลือกตั้งจะเริ่มเป็นกระแสอีกครั้ง หลักคือ กลุ่ม Domestic play อาทิ หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ แนะนำ บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) ,กลุ่มค้าปลีก แนะนำ CPALL , บมจ. ดูโฮม(DOHOME) และกลุ่มอสังหา แนะนำ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) , บมจ.แสนสิริ (SIRI) เป็นต้น