หุ้นไฟฟ้า “ลุ้น” ขายไฟรอบใหม่ "รายใหญ่" ชิงดำ 5,200 เมกะวัตต์

            กำลังผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อความต้องการทำให้แผนการเพิ่มด้วยการใช้พลังานทดแทนมีมาอย่างต่อเนื่อง และถือว่าเป็นการ “ชิงเค้กก้อนใหญ่” ของหลายธุรกิจที่มีเงินทุนเหลือ และมองหาช่องทางการเพิ่มรายได้ที่สม่ำเสมอ

            ดังนั้นการเปิดประมูลขายไฟฟ้ารอบใหญ่มักจะเป็นที่หมายปองของเหล่า บิ๊กคอร์ป อย่างต่อเนื่อง  รอบล่าสุดที่กำลังจะเคาะรายชื่อผู้ชนะการประมูล วันที่ 5 เม.ย. นี้ จำนวนไฟฟ้าถึง 5,200 เมกะวัตต์ (MW)

            คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เตรียมรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรวมปริมาณรับซื้อประมาณ 5,200 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งเป็น 1. ก๊าซชีวภาพ 335 MW  2.พลังงานลม 1,500 MW 3. พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Battery storage) 1,000 MW และ 4. พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน 2,368 MW

            ช่วงปลายปี 2565 ได้มีการประกาศรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบ และเตรียมประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกภายในวันที่ 15 มี.ค.2566 และเริ่มทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2567   

            เฉพาะโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอยู่ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 กำลังการผลิตรวม 5,203 เมกะวัตต์ และโครงการจัดหาไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม กำลังการผลิตรวม 100 เมกะวัตต์

            จากนั้นยังคาดว่า กกพ.จะสามารถประกาศรับซื้อไฟฟ้าโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในระยะที่ 2 ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่เห็นชอบปรับแผนรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดเพิ่มอีก 3,668.5 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในไตรมาส 3 ปี 2566

            เทียบฟอร์มผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรอบเกณฑ์ถึง 67 บริษัท มีรายใหญ่ตบเท้าเข้ามากันอย่างคึกคัก บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี  ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ร่วมกับ บริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ผ่านเข้ารอบถึง 4 บริษัท  ,กลุ่มบางกอกกล๊าส ที่ผ่านเข้ารอบ บริษัท บีจี เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่น จำกัด  มี 3 บริษัทเข้ารอบ

          บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP  ส่ง” บ้านปู เน็กซ์ กรีน เอนเนอร์จี “ผ่านเข้ารอบ 2 บริษัท ,บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE  ของกลุ่ม บีอีซี เวิลด์ , บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO  ผ่านคัดเลือกถึง 4 บริษัท เป็นต้น

            จากการคาดการณ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)หยวนต้า  (ประเทศไทย) ประเมินจากตลาดหุ้นที่มีความผันผวนในการปรับ Leverage ของนักลงทุนในประเทศเพื่อลดความเสี่ยง แต่เสถียรภาพของตลาดที่เริ่มกลับมา และมีปัจจัยบวกรออยู่คือ การประกาศผลประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก 5,300 MW ในวันที่ 5 เม.ย. คาดว่า GUNKUL-GULF มีโอกาสสูงที่ได้กำลังการผลิตเพิ่มไม่ต่ำกว่า 1,000 MW

            บล.เอเซีย พลัส ระบุ จากกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างศึกษามีกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วราว 33,000 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น 1.โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน (Conventional Energy) ราว 24,000 เมกะวัตต์  (สัดส่วน 72.5% ของกำลังการผลิตที่ COD แล้วในปัจจุบัน) และ 2. โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ราว 9,200 เมกะวัตต์  (สัดส่วน 27.5% ของกำลังการผลิตที่ COD แล้วในปัจจุบัน) ซึ่งคาดการเปิดรับซื้อไฟฟ้า 5,200 เมกะวัตต์  ดังกล่าวจะช่วยให้กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าที่ COD แล้วทั้งหมดเพิ่มขึ้น 15.6% จากเดิมมาอยู่ที่ 39,000 เมกะวัตต์   

            ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจะเพิ่มขึ้นราว 56.7% จากเดิมมาอยู่ที่  14,000 เมกะวัตต์  และส่งผลให้สัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 37% จาก 28%  ซึ่งในกลุ่มนี้หุ้นที่น่าสนใจ GULF , GPSC ,  BGRIM และ GUNKUL  

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์